ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐๓

 
khampan.a
วันที่  11 เม.ย. 2564
หมายเลข  34035
อ่าน  1,619

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐๓
* *


~ ต้องรู้ว่าการบวชเป็นภิกษุ เพื่อขัดเกลากิเลส เพราะฉะนั้น การกระทำใดๆ ซึ่งไม่ใช่การขัดเกลากิเลส ก็ไม่ใช่กิจหน้าที่ของภิกษุ บุคคลนั้นเมื่อกระทำด้วยความเพิ่มกิเลส ต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คือ ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย เป็นโทษอย่างยิ่ง

~ พระภิกษุต่างจากเพศคฤหัสถ์ พระภิกษุเป็นเพศที่สูงยิ่ง ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติให้สมกับการเป็นเพศที่สูงยิ่งแล้วจะเป็นพระภิกษุได้อย่างไร .... รับเงินรับทอง เป็นพระภิกษุได้อย่างไร?

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงให้เห็นความจริงว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล มี และ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี แต่ว่าตราบใดที่ศรัทธายังไม่มั่นคง อกุศลก็ต้องเกิดมาก เช่นทุกวัน ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การได้ฟังอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนให้แต่ละคนไม่ประมาทที่จะเห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์ของกุศลแม้เพียงเล็กน้อย

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ที่จะให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีหรือที่กุศลทั้งหลายจะเจริญขึ้น


~
กิเลสมากมาย เหนียวแน่น หนาแน่น และติดแน่นด้วยอยู่ในจิตเลย ที่จะเอาออกไปได้ไม่ใช่วิสัยของอกุศล แต่ต้องเป็นปัญญา และอบรมคุณความดีทุกอย่าง


~ การกล่าวถึงสิ่งที่ผิดว่าผิด การกล่าวถึงสิ่งที่ถูกว่าถูก เป็นการอนุเคราะห์คนอื่น ด้วยความเป็นมิตรด้วยความหวังดีที่จะให้เขาเข้าใจได้ถูกต้องว่าอะไรถูก อะไรผิด

~ ถึงเวลาแล้วที่จะให้ทุกคนที่ไม่รู้พระธรรมวินัยได้เข้าใจถูกต้องว่าอะไรถูก อะไรผิด เมื่อเป็นผู้ที่ตรง ก็จะได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำสิ่งที่ถูกต้อง คือ สิ่งใดที่ผิดจากพระธรรมวินัย ก็ไม่ส่งเสริม ทุกคนถ้าเข้าใจถูก ก็พูดถูก ทำถูก

~ ทั้งชีวิตถ้าสามารถที่จะช่วยให้ใครได้มีโอกาสเข้าใจถูกต้อง ก็เท่ากับทำให้เขาพ้นจากความเห็นผิดอีกมากมายมหาศาลที่จะต้องเกิดขึ้นในสังสารวัฏฏ์แล้วก็เห็นผิดไปอีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น มีโอกาสที่จะได้ฟังคำที่ถูกต้อง ต้องไม่ประมาทแล้วก็รู้ว่าคุณค่าของการที่ได้เกิดมา ก็คือ ตรงที่ได้เข้าใจธรรม เพราะทุกอย่างหมดแล้วแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย

~ คนส่วนใหญ่ชินต่อการที่จะตาม แต่ไม่ชินกับการที่จะไตร่ตรองคิดนึกละเอียดจนกระทั่งเป็นความเข้าใจถูกต้อง ว่า อะไรถูก อะไรผิด

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทรงตรัสรู้และทรงแสดง ลึกซึ้งเพียงใด ตลอด ๔๕ พรรษา เพื่ออนุเคราะห์คนที่ไม่ยังได้เข้าใจธรรม ให้ได้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ เราไม่รู้ว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ เย็นนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น ทุกขณะมีค่าจริงๆ เพราะเหตุว่า ความเข้าใจขณะนี้หนึ่งขณะก็จะทำให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นมากขึ้น เพราะถ้าขาดหนึ่งขณะเดี๋ยวนี้ จะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร และไม่มีอะไรที่จะดีในการที่ยังมีชีวิตต่อไปเท่ากับการที่เข้าใจถูกตามความเป็นจริงซึ่งไม่สามารถที่จะคิดเองได้ นอกจากทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เข้าใจความจริงเพิ่มขึ้น

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ทำให้ค่อยๆ มีความเห็นที่ถูกต้อง เกิดปัญญา มีความรู้ ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรควรหรือไม่ควร ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะว่า ถ้าหลงเข้าใจ ว่า สิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ดี คนนั้นก็ทำชั่ว ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ใดๆ เลย

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริง เพื่ออนุเคราะห์คนผู้ไม่รู้ ซึ่งเหมือนคนตาบอดอยู่ในความมืดให้ได้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ประมาทปัญญาคิดว่ารู้แล้ว แต่เพียงกำลังสะสมความเห็นถูกเพื่อที่จะละความไม่รู้ ก็จะเป็นผู้ที่วันหนึ่งๆ มีชีวิตอยู่ด้วยความรู้ที่เพิ่มขึ้น

~ การที่กุศลจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณจริงของกุศลธรรมที่จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาอกุศล จึงไม่ว่างเว้นจากโอกาสที่จะได้สะสมความดีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของความดีประเภทใดก็ตาม

~ ทำดีขณะใด สละความไม่ดีขณะนั้น

~ เขามีกิเลส แล้วเรามีกิเลสหรือเปล่า หรือเฉพาะคนอื่นมีกิเลสแล้วเราจะอยู่ร่วมกับคนที่มีกิเลสอย่างไร เหมือนกับว่าเราไม่มีกิเลสหรือเปล่า?


~ ถ้าเป็นธรรมฝ่ายที่ไม่ดี ก็ทำให้สิ่งที่ไม่ดี ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ เป็นไปในทางที่ไม่ดี นี่คือ กำลังของธรรมที่ไม่ดี แต่ถ้าเป็นธรรมที่ดี ตรงกันข้าม ที่จะไปทำให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น กำลังของทั้งสองอย่าง จึงต่างกัน เพราะฉะนั้น กำลังของธรรมฝ่ายดี ก็ต้องทำให้สิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์เกิดขึ้นเป็นไป เท่านั้น

~ โลกไม่สงบ เดือดร้อนวุ่นวายทั้งหมด เพราะกิเลส ไม่มีทางที่จะหมดได้เลย ถ้าตราบใดที่ยังไม่รู้ความจริง คือ ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว จะระงับความไม่สงบสุขทั้งหลายได้ ก็ด้วยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้ฟังอย่างนี้แล้วยังจะเฉยเมยไหม ทั้งๆ รู้ว่า นี้แหละเป็นสิ่งเดียวที่สามารถที่จะนำความสงบสุขมาให้ จากการที่เริ่มเข้าใจถูกต้อง คือ ปัญญา ปัญญา ความเห็นถูกความเข้าใจถูก นำไปสู่สิ่งที่ถูกต้องที่เป็นคุณความดีทั้งหมดได้

~ อกุศล ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบหรือความสุขเลย มีแต่ความกังวล ความเดือดร้อน ทุกอย่างเป็นเพราะอกุศลทั้งสิ้น

~ กำลังจะกระทำทุจริต ไม่ทำ งดเว้น เพราะหิริโอตตัปปะ (ความละอายและความเกรงกลัวต่อบาป) กำลังจะพูดคำที่ไม่จริง อาจจะล้อเล่นสนุกสนานหรืออะไรก็ได้ แต่ขณะนั้นเป็นอกุศลแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อมีหิริโอตตัปปะ ก็ไม่พูด แสดงให้เห็นว่า หิริโอตตัปปะ คุ้มครองป้องกันจิตไม่ให้เป็นไปทางฝ่ายอกุศล

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา ทำให้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นบางท่านก็บอกว่า คุ้มค่าที่ได้ฟัง หรือ คุ้มค่าที่เกิดมา แล้วเป็นมนุษย์ แล้วมีโอกาสได้เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น ชีวิต สั้น การฟังพระธรรมแค่นี้ยังไม่พอ ความเข้าใจธรรมยังไม่พอ แต่กุศลใดที่ได้ทำไว้ ที่ทำให้มีความศรัทธาในการที่จะได้ฟังมีการเห็นประโยชน์ว่า เป็นสิ่งเดียวที่ประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้แม้เกิด ก็เกิดในที่ที่จะได้เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นด้วย

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐๒



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Kalaya
วันที่ 11 เม.ย. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kukeart
วันที่ 11 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 11 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
mammam929
วันที่ 11 เม.ย. 2564

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระธรรมยิ่งเปิดเผยยิ่งเกื้อกูลให้ผู้ฟังผู้ศึกษามีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง

กราบอนุโมทนายิ่งค่ะ

 

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
petsin.90
วันที่ 11 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
natthayapinthong339
วันที่ 11 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 12 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 12 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 14 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ