[คำที่ ๕๐๔] สมฺมาสมฺพุทฺธรตน

 
Sudhipong.U
วันที่  15 เม.ย. 2564
หมายเลข  34059
อ่าน  535

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “สมฺมาสมฺพุทฺธรตน”

สมฺมาสมฺพุทฺธรตน อ่านตามภาษาบาลีว่า สำ - มา สำ - พุด - ทะ - ระ - ตะ - นะ มาจากคำว่า สมฺมาสมฺพุทฺธ (ผู้ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริง โดยชอบด้วยพระองค์เอง ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) กับคำว่า รตน (สิ่งที่มีค่ามาก, สิ่งที่ประเสริฐ,ควรแก่การบูชา, ปรากฏได้โดยยาก) รวมกันเป็น สมฺมาสมฺพุทฺธรตน เขียนเป็นไทยได้ว่า สัมมาสัมพุทธรัตนะ (พระสัมมาสัมพุทธรัตนะ) หมายถึง สิ่งที่มีค่าสิ่งที่ประเสริฐ สิ่งที่หาสิ่งใดเปรียบมิได้ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ข้อความในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ปสาทสูตร แสดงความประเสริฐที่สุดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้

“สัตว์ที่ไม่มีเท้าก็ดี มี ๒ เท้าก็ดี มี ๔ เท้าก็ดี มีเท้ามากก็ดี มีรูปก็ดี ไม่มีรูปก็ดี มีสัญญาก็ดี ไม่มีสัญญาก็ดี มีสัญญาก็มิใช่ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ก็ดี มีประมาณเท่าใด พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าสัตว์เหล่านั้น”


บุคคลผู้ที่ประเสริฐที่สุดในโลก ไม่มีผู้ใดเปรียบได้เลยคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระสัมมาสัมพุทธรัตนะ เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริง โดยชอบ ด้วยพระองค์เอง กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) มาตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ ซึ่งเป็นเวลาที่นานมาก เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกด้วยการทรงแสดงพระธรรมให้ได้เข้าใจความจริง พระมหากรุณาคุณของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลกคือ ทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง จากที่สัตว์โลกเคยเป็นผู้มากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ ก็สามารถที่จะขัดเกลาละคลายและดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ด้วยปัญญาอันเกิดจากการได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง การที่พระองค์ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มี ซึ่งเป็นธรรม ให้คนอื่นได้รู้ได้เข้าใจด้วย เป็นพระคุณอันสูงสุดยิ่งของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงพระมหากรุณาแสดงความจริงให้คนอื่นได้รู้ได้เข้าใจด้วย จึงมีผู้ที่อบรมเจริญปัญญาสามารถที่จะรู้แจ้งความจริงตามพระองค์ได้

จะเห็นได้ว่ารัตนะในโลกมีเท่าไหร่ แก้วแหวนเงินทองเพชรนิลจินดา ในสวรรค์ก็มีวิมานแต่ละวิมาน ล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าทั้งนั้น แต่ทั้งหมดไม่มีค่าเท่ากับพระสัมมาสัมพุทธรัตนะ เพราะเหตุว่ากว่าจะมีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แต่ละพระองค์นั้นนานแสนนาน เพราะฉะนั้น เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว จะมีอะไรเหนือกว่า?

การที่จะได้ฟังพระธรรมซึ่งแสดงถึงความจริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ซึ่งถูกปกปิดไว้นานแสนนาน เกิดขึ้นได้เพราะอะไร ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีใครสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ได้เลย เพราะฉะนั้น ควรเห็นค่าของพระสัมมาสัมพุธรัตนะ พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี ไม่ใช่เพื่อพระองค์เพียงผู้เดียว แต่เพื่อสัตว์โลกซึ่งไม่สามารถที่จะมีบารมีที่จะถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งยากแสนยากที่จะเป็นได้ ก็ยังมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดงจากการตรัสรู้ ซึ่งเป็นประโยชน์เกื้อกูลโดยตลอด

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศใดเพศหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นจะเห็นคุณประโยชน์ของพระธรรมมากน้อยแค่ไหน แต่ละคนก็เป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย ถ้าหากว่ามีความประสงค์จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก แม้จะอยู่ครองเรือนเป็นคฤหัสถ์ ก็สามารถฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เป็นคฤหัสถ์ที่ดี จนถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ ซึ่งมีเป็นส่วนน้อยมากที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง หรือ ถ้าสะสมอัธยาศัยใหญ่มา เป็นผู้มีปัญญาเห็นโทษเห็นภัยของอกุศล เห็นโทษของการอยู่ครองเรือน ว่าเป็นที่หลั่งไหลมาแห่งอกุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวง ก็สละเพศคฤหัสถ์ สละทรัพย์สินเงินทองวงศาคณาญาติ มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง คือเพศบรรพชิต บวชเป็นพระภิกษุในพระธรรมวินัย ด้วยความจริงใจ เพื่อประโยชน์ในการขัดเกลากิเลสของตนเองให้ยิ่งขึ้น ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ไม่มีใครบังคับ

การที่พุทธบริษัทจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้นั้น ก็ต้องด้วยปัญญาที่เข้าใจพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เท่านั้น แม้เมื่อครั้งที่พระองค์ยังไม่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ก็มีทางเดียวเช่นเดียวกัน คือฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงสามารถรู้ได้ว่าบุคคลนี้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะทรงแสดงสิ่งที่มีจริงที่ผู้อื่นไม่สามารถจะแสดงได้ ไม่สามารถตรึก นึก คิด ไตร่ตรองประมวลเองได้แม้แต่คนเดียว ไม่มีใครเลยที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากผู้ที่ได้อบรมเจริญบารมีมาอย่างสมบูรณ์ พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงแม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะ

เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระธรรมทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว เป็นศาสดาแทนพระองค์ พร่ำสอนแทนพระองค์ เป็นความจริงในทุกยุคทุกสมัย จึงเป็นโอกาสที่ประเสริฐยิ่งที่จะได้ฟังได้ศึกษา ด้วยความเคารพ ละเอียด รอบคอบ อดทน จริงใจ และไม่ท้อถอย ยิ่งยากก็ยิ่งจะต้องศึกษา เพราะปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ ชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นเวลาที่ยาวนาน (จิรกาลภาวนา) อุปมาเหมือนการจับด้ามมีด เมื่อจับบ่อยๆ เนืองๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ ปัญญาก็เช่นกัน ต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการสะสม ในการอบรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะฉะนั้น ในแต่ละชาติที่ได้เกิดมาแล้ว มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก สะสมเป็นที่พึ่งต่อไป เพราะเหตุว่า ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน วัยไหน ก็ควรอย่างยิ่งที่จะได้เห็นประโยชน์สูงสุดของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ด้วยความอดทนและจริงใจ เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง และเมื่อเข้าใจถูกแล้ว ก็กล่าวคำของพระองค์ เพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่นต่อไป ซึ่งเป็นการนอบน้อมเคารพบูชาในพระคุณอันประเสริฐยิ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเริ่มเป็นคนของพระองค์ ด้วยปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้นจากการได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 15 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 15 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เฉลิมพร
วันที่ 17 เม.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ