ละอกุศล

 
thanaset
วันที่  17 เม.ย. 2564
หมายเลข  34071
อ่าน  486

รบกวนครับผม สอบถามครับ

ตอนจิตเกิดอกุศลขึ้นมา ในการละต้องใช้ปัญญาในการละใช่ไหมครับ? หรือในการละต้องใช้ความคิด ไตร่ตรองเหตุและปัจจัยที่เกิดอกุศลครับ?

ขอบคุณครับ/ธนาเศรษฐ์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นเรื่องของความดี แต่ความดีที่จะละกิเลสได้ด้วยปัญญา และ ปัญญาก็มีหลายระดับ จึงเป็นเรื่องรู้แล้วละ ไม่ใช่ไม่รู้แล้วจะไปละอะไรได้ และ กิเลส ก็ยากอย่างยิ่งที่จะละได้ เพราะฉะนั้น จะละกิเลสได้จริงต้องเห็นตัวกิเลสว่าไม่ใช่เราเป็นธรรม รู้จักกิเลสตามความเป็นจริง แต่ปัญญาขั้นการฟัง ขั้นคิดนึก ยังทำอะไรกิเลสไม่ได้เลย พระสาวกทั้งหลายกว่าจะละกิเลสได้ ละได้จริงๆ ต้องถึงความเป็นพระโสดาบัน ปัญญามากๆ เพราะฉะนั้น จึงต้องอบรมปัญญาฟังต่อไป คิดถูกต้องว่าเป็นเพียงธรรมไม่ใช่เรา จนวันหนึ่งก็ถึงการดับกิเลสได้ในที่สุด  ดังนั้นปัญญาขั้นการฟัง คิดนึก ขณะที่อกุศลเกิด ไม่ได้ละ กิเลส แค่ค่อยๆเข้าใจขึ้นครับในขั้นการคิด ขั้นการฟัง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 18 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒- หน้าที่ ๓๔

มหาสุญญตสูตร

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย พระอริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว จากพระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมละอกุศล เจริญกุศล ละธรรมที่มีโทษ เจริญธรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์ ดังนี้”


พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจสิ่งที่มีจริง ตรงตามความเป็นจริง และสิ่งที่มีจริง นั้น ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด ไม่เคยเปลี่ยน เป็นจริงอย่างไร ก็จริงอย่างนั้น เมื่อกล่าวถึงอกุศล แล้ว ไม่ได้อยู่ในตำราเลย แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจึงเป็นเครื่องเตือนที่ดีอย่างยิ่ง เตือนสำหรับผู้ที่ยังมีอกุศลอยู่ เตือนให้เป็นผู้ไม่ประมาทมัวเมาในชีวิต ซึ่งจะทำให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้พิจารณาขัดเกลาอกุศลของตนเองได้อย่างละเอียด เพราะเหตุว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นอกุศลและโทษของอกุศลตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่จะเห็นได้ พร้อมทั้งทรงแสดงให้เห็นถึงคุณของปัญญาซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริง ปัญญา เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม เป็นโสภณธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่สำคัญอย่างยิ่งในพระธรรมวินัยนี้ เพราะเหตุว่า บุคคลผู้มีปัญญาเท่านั้นที่จะสามารถดับหรือละซึ่งอกุศลทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ไม่เกิดอีกเลย สามารถพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

แม้ว่าในชีวิตประจำวัน จะมากไปด้วยอกุศล ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะสะสมมาอย่างมากและยาวนานในสังสารวัฏฏ์ เมื่อได้เหตุปัจจัยอกุศลก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่สำหรับผู้เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เห็นประโยชน์ของการอบรมเจริญปัญญา ก็ยังมีโอกาสที่จะฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม สะสมปัญญา ปัญญาก็สามารถเกิดแทรกในท่ามกลางของอกุศลซึ่งมีเป็นอย่างมากได้ ซึ่งขณะที่ปัญญาเกิด อกุศลก็เกิดไม่ได้ แสดงให้เห็นตามความเป็นจริงว่า แม้จะมีอกุศลมาก แต่พอมีเหตุปัจจัยให้ปัญญา เกิด ปัญญาก็เกิดทำกิจหน้าที่ของปัญญาแทนที่จะเป็นอกุศล ได้ และหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายอกุศลจนถึงการดับได้หมดสิ้น เพราะฉะนั้นแล้ว โอกาสของชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ ก็ควรที่จะเป็นไปเพื่อการสะสมกุศลและอบรมเจริญปัญญา ในท่ามกลางอกุศลทั้งหลาย เนื่องจากชีวิตที่เกิดมา นั้น คุณค่าทั้งหมด อยู่ที่ความเข้าใจพระธรรม ซึ่งจะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลให้ความดีทั้งหลายเจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะถ้ากุศลไม่เกิดแล้ว ก็จะเป็นโอกาสเกิดขึ้นของอกุศล และที่ไม่ควรลืมคือ ปัญญา จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไม่ขาดการฟังพระธรรมในชีวิตประจำวัน เพราะเคยได้ฟังมาแล้ว เห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้ได้ฟัง ได้ศึกษา ได้สะสมปัญญาต่อไป ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ไม่สะสมปัญญาไม่มีทางที่อกุศลจะเบาบางลงได้

เว้นจากทุจริต ก็เพราะปัญญา

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 18 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thanaset
วันที่ 18 เม.ย. 2564

ขอบคุณครับผม

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ