จากนรกมาเป็นมนุษย์
ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ บางคนมาจากสวรรค์ก็มี บางคนมาจากพรหมโลกก็มี บางคนมาจากอบายภูมิก็มี บางคนตายจากมนุษย์กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็มี ในพระไตรปิฎก มีตัวอย่างของคนที่มาจากภพภูมิต่างๆ แต่นำหลักฐาน ตามที่มีคำถามว่า ตายจากนรกมาเกิดเป็นมนุษย์ โปรดอ่านข้อความโดยตรง
[เล่มที่ 51] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๑ - หน้าที่ 396
ข้อความบางตอนจากอรรถกถาสมิติคุตตเถรคาถา
ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า กัสสป เขาบวชเป็นปริพาชก เห็นอุบาสกผู้สมบูรณ์ด้วยสีลาจารวัตรคนหนึ่ง แล้วขุ่นเคือง ได้ด่าว่า เจ้าคงเป็นโรคเรื้อน ดังนี้ และทำลายจุณสำหรับอาบน้ำที่มนุษย์ทั้งหลายวางไว้ที่ท่าน้ำ. ด้วยกรรมนั้น เขาบังเกิดในนรกอีก เสวยทุกข์สิ้นปีเป็นอันมากแล้วเกิดเป็นบุตรของพราหมณ์คนหนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่า สมิติคุตตะ. เขาเจริญวัยแล้ว ฟังพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา ได้เป็นผู้มีศรัทธาจิต บวชแล้วเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์หมดจดดี อยู่ด้วยผลแห่งกรรมเก่าของท่าน โรคเรื้อนเกิดขึ้นแล้ว. ด้วยโรคเรื้อนนั้น ทำให้อวัยวะร่างกายของท่านแตกเป็นริ้วรอยโดยทั่วไปแล้ว มีน้ำเหลืองไหลออก. ท่านพักอยู่ในศาลาสำหรับภิกษุอาพาธ.
[เล่มที่ 47] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 148
ได้ยินว่า ภิกษุรูปหนึ่งเป็นพระโยคาวจร ในพระศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า กัสสป ทำกาลกิริยาแล้ว เกิดในตระกูลเศรษฐีอันมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก ในกรุงพาราณสี เขาเป็นคนมีราคะ เพราะเหตุนั้น จึงประพฤติล่วงภรรยาคนอื่น ได้ถึงแก่กรรมในชาตินั้นแล้ว เกิดในนรก หมกไหม้ในนรกนั้นแล้วได้ถือปฏิสนธิเป็นหญิง ในท้องของภรรยาเศรษฐี ด้วยเศษวิบากที่เหลือ. ร่างกายทั้งหลาย ของสัตว์ทั้งหลายที่มาจากนรก ย่อมเป็นของร้อน เพราะเหตุนั้น ภรรยาเศรษฐีทรงครรภ์นั้น ด้วยท้องที่ร้อน โดยลำบากยากเข็ญ ได้คลอดเด็กหญิงโดยกาล. นางจำเดิมแต่วันเกิดแล้ว เป็นที่เกลียดชังของมารดาบิดา และพวกพ้องบริชนที่เหลือ และเจริญวัยแล้ว บิดามารดาให้ในตระกูลใด ก็เป็นที่เกลียดชังของสามี พ่อผัวแม่ผัวในตระกูลแม้นั้น ครั้นเขาประกาศนักษัตร บุตรเศรษฐี เมื่อไม่ปรารถนา เพื่อจะเล่นกับธิดาของเศรษฐีนั้น นำนางแพศยา เล่นกีฬา. ฯลฯ
ทุกคนเกิดมาทุกภูมิแล้ว แม้พรหมโลก (เว้นสุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิของพระอริยเจ้าขั้นอนาคามีและพระอรหันต์) นรกก็เกิดมาแล้ว ก็ต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ ตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลส ดังนั้น ควรอบรมปัญญาในการเจริญสติปัฏฐาน เพื่อเป็นหนทางเดียวที่จะไม่เกิดอีก และถึงเกิดอีก ก็เพื่ออบรมปัญญาเพื่อดับกิเลสครับ