ความเป็นธรรมมามกะ กับ เรื่องของสมาธิ ชาวพุทธทำไมเข้าใจผิด ทำไมเข้าใจยาก
อ.สุจินต์ : เพราะฉะนั้น ความไม่รู้วันนี้แค่ไหน? เป็นคนตรง ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกวัน ที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ แล้วก่อนนั้นล่ะ? ไม่รู้เท่าไหร่ในแสนโกฏิกัปป์ แล้วต่อไปข้างหน้าอีกเท่าไหร่ นี่คือโรคที่มีนายแพทย์ผู้เดียวที่จะรักษาได้ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
และสาวกของพระองค์ที่เข้าใจ เห็นประโยชน์ไหม ว่าควรที่จะดำรงรักษาคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ทำร้ายพระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเราจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ โดยคำของพระองค์ ซึ่งเป็นพระสรีระ ให้รู้ว่า นี่คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมดนี้ มีในพระไตรปิฎก ตรัสด้วยพระองค์เอง ไม่ใช่เราคิดเอง แล้วลองเปรียบเทียบดูว่าจริงไหม? ถ้าไม่มีกาย จะรู้ไหม ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างไร กายของพระองค์ไม่ใช่อื่นใดเลย เป็นธรรมะ คือคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ทุกคำ เพราะฉะนั้น ใครไม่พูดตามคำของพระองค์ ผู้นั้นประทุษร้ายพระกาย พระสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
รู้คุณหรือเปล่า? กตัญญูหรือเปล่า? ความดีระดับไหน กว่าจะได้เข้าใจอย่างนี้ แล้วยังประทุษร้ายอีก สำหรับผู้ที่ไม่เห็นคุณเลย เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมะ เป็นการที่ว่า เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ไม่ใช่เพียงชื่อ แล้วบอกว่าเป็นชาวพุทธ
อ.สุจินต์ : ควรพูดไหม?
หมอกันย์ : ควร
อ.สุจินต์ : จะพูดไหม?
หมอกันย์ : เราพูดเพราะว่าหวังดี แล้วก็เป็นการสืบทอดคำสั่งสอนให้ต่อๆ ไป ถ้าเรารู้แต่เราไม่พูด ธรรมะก็คงจะไม่มาถึงเราในวันนี้
อ.สุจินต์ : ถูกต้อง
หมอกันย์ : เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราพูด ก็จะทำให้ธรรมะ สืบต่อไปอีก อาจจะเป็นพันปีข้างหน้า
อ.สุจินต์ : เพราะฉะนั้น จะพูดไหม?
หมอกันย์ : พูด
อ.สุจินต์ : ค่ะ นี่คือ เป็น "ธรรมมามกะ" นอกจากเป็นพุทธมามกะ คนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะประพฤติสิ่งที่พระองค์ไม่ได้ตรัสให้ทำ ได้อย่างไร ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น เมื่อได้เข้าใจธรรมะแล้ว ก็เป็นธรรมมามกะ คนของพระธรรม ไม่อาศัยคำของคนอื่นอีกต่อไป เพราะเขาไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้ให้ความเข้าใจเลย แค่พูดแล้วให้เชื่อ แต่ไม่ได้ให้ไตร่ตรอง ไม่ได้ให้เป็นปัญญาของเราเอง แล้วจะมีประโยชน์อะไร
แต่ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมีคนไปเฝ้าพระองค์ พระองค์ตรัสถามให้เขาคิด จักขุวิญญาณเที่ยงไหม? เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถามคนอื่น คิดดู ถามให้คิดใช่ไหม? ให้เป็นการไตร่ตรองของคนนั้น ให้เป็นปัญญาของคนนั้น ใช่ไหม? เพราะพระองค์ไม่สามารถที่จะมอบปัญญาของพระองค์ให้ใครได้เลย นอกจากคำ ที่กล่าวความจริงที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว เป็นคำจริงทั้งหมด ให้ได้เข้าใจถูกต้อง
เพราะฉะนั้น ค่ามหาศาล แล้วจะไม่พูดหรือ? ไม่ทำความดีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือ? ในเมื่อทุกคนก็ทำความดีต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ประเทศชาติ แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ? ลืมเลยหรือ? เพราะไม่รู้พระคุณ ก็แทนคุณไม่ได้ ต่อเมื่อใดรู้ มีหรือที่จะไม่แทนคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเห็นคุณค่าที่เปรียบไม่ได้เลย ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ใดๆ เพราะปาฏิหาริย์ทั้งหลาย นำกิเลสออกไม่ได้ นำความไม่รู้ออกไม่ได้ ยังเป็นโรคไม่รู้ไปทุกชาติ ในสังสารวัฏฏ์ เพราะฉะนั้น คุณหมอก็จะเป็นคนหนึ่ง ที่รักษาโรคกาย แล้วก็รักษาโรคใจด้วย แต่ต้องเข้าใจตัวเอง ที่จะรักษาโรคให้ถูกต้องได้
หมอกันย์ : ก่อนที่เราจะพูดได้ เราก็ต้องรู้ก่อน ซึ่งตอนแรกที่ตอบไปว่า คงจะไม่พูด เพราะว่าเราไม่รู้
อ.สุจินต์ : แต่ถ้ารู้ เห็นไหม จะพูดไหม ก็พูด ไม่เห็นเป็นไร กลัวใคร? คนพูดจริง แล้วคนอื่นจะว่าอย่างไร จะให้พูดไม่จริงหรือ? ชอบคำไม่จริงหรือ? มีเหตุผลทุกอย่าง ที่เป็นประโยชน์ ที่เป็นความหวังดี ไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น เพราะเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดที่จะให้คนอื่น ยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น
ติดตามบันทึกการสนทนาฉบับเต็ม ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :