ทําบุญหวังผล เป็นบาปมหันต์

 
samroang69
วันที่  1 พ.ค. 2564
หมายเลข  34165
อ่าน  1,071

ขอโอกาศสนทนาธรรม เรื่อง "ทําบุญหวังผล เป็นบาปมหันต์" เพราะการทำบุญด้วยความหวังเป็นโลภะ คือ เป็นความต้องการพอใจของมนุษย์ เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนา มี 4 ประการ

1. ลาภ หมายความว่า เพื่อจะได้มาซึ่งผลประโยชน์ หรือได้มาซึ่งทรัพย์

2. ยศ หมายความว่า เพื่อจะได้มาซึ่งการได้รับฐานันดรสูงขึ้น ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต

3. สรรเสริญ คือ เพื่อจะได้มาซึ่งความได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกย่อง อันเป็นที่น่าพอใจ

4. สุข คือ เพื่อจะได้มาซึ่งความสบายกาย สบายใจ ความเบิกบาน บันเทิงใจเริงใจ

แต่เมื่อเสื่อมลาถ เสื่อมยศ เสื่อมสุข เสื่อมสรรเสริญเสียแล้ว จิตย่อมเป็นทุกข์เพราะความหวังทั้งหลายเหล่านั้น การตั้งใจไว้ผิดนั้นชื่อว่าเป็นบาปมหันต์ เพราะเป็นโทษ มิใช่เป็นคุณ ตามที่กล่าวมานั้นถูกต้องหรือไม่ครับ ขอเรียนถามท่านผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจด้วยครับ สาธุ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 1 พ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การได้รับสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ไม่มีใครนำมาให้เลย แต่เป็นเพราะเหตุ คือ กุศลกรรม ความดีที่ได้กระทำแล้ว ถึงคราวให้ผล ในทางกลับกัน การเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใครไม่น่าพอใจ ก็ไม่มีใครทำให้อีกเหมือนกัน แต่เป็นเพราะเหตุ คือ อกุศลกรรม ที่ได้กระทำแล้วถึงคราวให้ผล ผลเช่นนั้นจึงเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย

โดยปกติธรรมดา สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่และไม่ได้เข้าใจความจริง ไม่มีความมั่นคงในความเป็นจริงของธรรม เมื่อได้รับสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ก็จะติดข้องยินดีพอใจ และเมื่อพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่ติดข้อง ก็มีความเศร้าโศกเสียใจ ไม่สบายใจ เป็นธรรมดา จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะติดข้อง หรือ เศร้าโศกเสียใจ นั่น เป็นอกุศล เป็นสภาพธรรมฝ่ายที่ไม่ดี ที่เกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งเพียงความติดข้องหรือเสียใจ ไม่ได้กระทำอกุศลกรรมบถ ก็ยังไม่ใช่เหตุที่จะทำให้เกิดผลในภายหน้า แต่ก็สะสมเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดีต่อไป ทั้งหมดทั้งปวง นั้น เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

สิ่งที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ การเจริญกุศลในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง กุศลเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ควรที่จะอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ถ้ากุศลไม่เกิด ก็เป็นโอกาสของอกุศลที่จะเกิดขึ้นเป็นไป ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจะเบาสบาย ผ่องใส ไม่เศร้าหมอง ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่จิตเป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง การเจริญกุศลเพื่อหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น หวังลาภ ยศ สรรเสริญ สุข นั่น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ขณะที่หวัง หรือ ต้องการ เป็นอกุศล เพิ่มอกุศลแล้วในขณะที่หวังหรือต้องการ เพราะเหตุว่าถึงแม้จะไม่หวัง เมื่อกุศล ให้ผล ก็ย่อมจะให้ผลที่ดีอย่างแน่นอน

ถ้าเริ่มเข้าใจพระธรรมไปตามลำดับแล้ว การเจริญกุศลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในขั้นของทาน (การให้ สละวัตถุสิ่งของ เพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น อันเป็นการสละซึ่งความตระหนี่) ขั้นของศีล (งดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ และประพฤติในสิ่งทีดีงาม) ขั้นของภาวนา (การอบรมเจริญความสงบของจิต และการอบรมเจริญปัญญาที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) ย่อมเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

บุญ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 1 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
samroang69
วันที่ 2 พ.ค. 2564

ขอบคุณ khampan.a และขอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
apiwit
วันที่ 2 พ.ค. 2564

กราบอนุโมทนาสาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
mana.amo
วันที่ 6 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ