เริ่มต้นเรียนที่ตัวธรรม
ส่วนมากหนูมักเรียนเรื่องราวของธรรมมากกว่าค่ะ แต่พิจารณาแล้วก็มีที่ทั้งเข้าใจบ้างและเกินกำลังบ้าง จนฟังท่านอาจารย์ (จำตอนไม่ได้ค่ะ) กล่าวว่าสิ่งนั้นเกิดแล้ว มีแล้ว ปรากฏแล้ว แม้ลักษณะสงสัยก็ไม่ใช่ใคร เปลี่ยนลักษณะไม่ได้ เกิดแล้วดับ ส่วนอีกตอนในความรู้สึกของหนูคือประมาณสติเกิด แล้วคิด ศึกษาไตร่ตรอง เช่น แข็งที่ตัวไม่ต่างจากแข็งที่อื่น เมื่อมีเสียงก็ย่อมมีได้ยิน ในความรู้สึกของหนู เหมือนแบ่งสติเป็น 2 อย่างเลยค่ะ คือ แบบใส่ใจในลักษณะสิ่งที่ปรากฏว่าเพียงปรากฎเกิดแล้วดับ อย่างนึง กับอีกแบบคือใส่ใจในสิ่งที่ปรากฏแล้วไตร่ตรองคิดตามว่าทำไมถึงไม่ใช่เราอีกอย่างหนึ่ง หนูอยากทราบว่า แบบไหนเหมาะกับผู้ที่มีปัญญาน้อยคะ คือหนูเป็นคนที่ปัญญาน้อยค่ะ แล้วสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาในลักษณะธรรม ควรฟังอะไรเพิ่มเติมคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้เริ่มต้นใหม่ให้เข้าใจถูกว่าเมื่อปัญญาน้อย สติก็น้อย เพราะฉะนั้น ปัญญาและสติยังน้อย จึงไม่ใช่การระลึกรู้ หรือ มีสติรู้ตรงลักษระของสภาพธรรมทั้ง 2 แบบ เป็นแต่เพียงคิดนึกถึงเรื่องราวของตัวธรรมที่ดับไปหมดแล้ว แข็งดับไปหมดแล้ว ไม่ได้ปรากฎกับสติและปัญญาเพียงแต่นึกถึงแข็งที่ดับไปแล้วเท่านั้น เพราะฉะนั้นแริ่มต้น คือ เข้าใจความต่างของสติขั้นคิดนึก กับ สติที่รู้ตรงลักษณะว่าต่างกัน ไม่เหมือนกัน ก็จะไม่หลงทางคิดว่าสติเกิดรู้ตรงลักษณะแล้วครบ และเริ่มต้นก็คือฟังต่อไปจนกว่าจะมั่นคงในขั้นการฟังว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ต้องจะทำ พยายาม หาวิธี นั่นคือเรา นั่นคือโลภะ ซึ่งผิดทางเพราะฉะนั้นฟังต่อไป ค่อยๆ เข้าใจถูกไปทีละน้อย นี่คือ หนทางของผู้เริ่มต้นและทุกๆ คน ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แทนที่จะไปคิดเรื่องอื่น ก็ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เรียน ค่อยๆ รู้ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ขาดการฟังพระธรรม ให้เวลากับพระธรรม เมื่อฟังไปบ่อยๆ เนืองๆ ความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น ที่สำคัญ ปัญญา ทำกิจของปัญญา ไม่ใช่เรา จุดประสงค์ต้องตรง คือ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ขัดเกลาละคลายความไม่รู้ที่สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ล้วนแล้วแต่ ต้องเริ่มต้นทั้งนั้น ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)