ทรงสอนให้เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
ทรงสอนให้เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย เพราะอกุศลเล็กๆ น้อยๆ สามารถที่จะสะสมเป็นอกุศลที่ใหญ่ได้ ไฟที่หัวไม้ขีด สามารถเผาบ้านเผาเมืองได้ฉันใด อกุศลที่สะสมมา เมื่อได้เหตุปัจจัย ก็ย่อมทำอกุศลกรรมได้วันนี้ตบยุง ฆ่ามด วันหน้าก็ฆ่าคนได้ ตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป็นพระโสดาบันปุถุชนทั้งหลายยังมีเหตุปัจจัยให้กระทำอนันตริยกรรมได้ทุกท่าน
เพราะฉะนั้นอย่าประมาทกับกิเลส ขอยกข้อความบางตอนจากพระไตรปิกฏค่ะ
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓
บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบาปว่า บาปมีประมาณน้อยจักไม่มาถึง แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลง (ทีละหยาดๆ ) ได้ฉันใด ชนพาลเมื่อสั่งสมบาป แม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบาปได้ฉันนั้น.
เรื่อง ไม่ควรประมาทแม้อกุศลเพียงเล็กน้อย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้าที่ 346
อรรถกถากุมภการชาดกที่ ๓
วันนั้น เวลาเที่ยงคืน พระองค์กำหนดตรวจดูพระเชตวันอยู่ ทรงทราบวิตกของภิกษุเหล่านั้นฟุ้งขึ้น ทรงดำริว่า กิเลสนี้เมื่อฟุ้งขึ้นในภายในของภิกษุเหล่านี้. จักทำลายเหตุแห่งอรหัตตผลเสีย เราตถาคตจักข่มกิเลสแล้ว มอบให้ซึ่งอรหัตตผลแก่ภิกษุเหล่านั้นเดี๋ยวนี้แหละ แล้วเสด็จออกจากพระคันธกุฎี รับสั่งให้ หาพระอานนท์เถระมาแล้วตรัสสั่งให้ประชุมว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงให้ภิกษุผู้อยู่ภายในโกฏิสัณฐารทั้งหมดประชุมกัน. เสด็จประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ควรเป็นไปในอำนาจของกิเลสที่เป็นไปแล้วในภายใน ด้วยว่ากิเลสเมื่อเจริญขึ้น ย่อมให้ถึงความพินาศมาเหมือนปัจจามิตร. ธรรมดาภิกษุ กิเลสแม้มีประมาณเล็กน้อยก็ควรข่มไว้. บัณฑิตในกาลก่อน เห็นอารมณ์ ประมาณเล็กน้อย ก็ข่มกิเลสที่เป็นไปแล้วในภายในไว้ให้ปัจเจกโพธิญาณเกิดขึ้น
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย