ประวัติพระวังคีสเถระ
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 414
อรรถกถาสูตรที่ ๔
ประวัติพระวังคีสเถระ
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๔ (เรื่องพระวังคีสะ) ดังตอไปนี้.
ดวยบทวา ปฏิภาณวนฺตาน พระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงวา พระวังคีสะเถระเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณสมบูรณ ได ยินวา พระเถระนี้เมื่อเขาไปเฝาพระทศพลตั้งแตคลองแหงจักษุ ก็กลาวสรรเสริญคุณพระศาสดาอุปมากับพระจันทร อุปมากับ พระอาทิตย กับอากาศ กับมหาสมุทร กับพระยาชาง กับพระยา มฤคสีหะ หลายรอยหลายพันบท จึงเขาเฝา เพราะฉะนั้น ทานจึง เปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ. ในปญหากรรมของทาน มี เรื่องที่จะกลาวความตามลําดับดังตอไปนี้.
ไดยินวา ครั้งพระพุทธเจาพระนามวาปทุมุตตระ พระเถระ แมรูปนี้ ถือปฏิสนธิในครอบครัวที่มีโภคสมบัติมาก ในกรุงหงสวดี ไปวิหารฟงธรรมโดยนัยกอนนั่นแล เห็นพระศาสดาทรงสถาปนา ภิกษุรูปหนึ่งไวในตําแหนงเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ จึง กระทํากุศลกรรมแดพระศาสดา กระทําความปรารถนาวา ใน อนาคตกาล แมขาพระองคพึงเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ เปนผูอันพระศาสดาทรงพยากรณแลว กระทํากุศลจนตลอดชีพ เวียนวายอยูในเทวดาและมนุษย ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็มาบังเกิด ในครอบครัวพราหมณ กรุงสาวัตถี ญาติทั้งหลายขนานนามวา
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 415
วังคีสมาณพ. ทานเจริญวัยแลวเรียนไตรเพท ทําใหอาจารยชอบใจ แลว ศึกษามนตชื่อวา ฉวสีสมนต มนตรูศีรษะคน เอาเล็บเคาะหัว ศพแลวก็รูวา สัตวนี้บังเกิดในกําเนิดชื่อโนน ๆ พราหมณทั้งหลาย ทราบวามนตนี้เปนทางสําหรับเราเลี้ยงชีพ จึงใหวังคีสมาณพนั่ง ในรถที่ปกปดแลวไปยังคามนิคม และราชธานีทั้งหลาย หยุดที่ประตู เมือง หรือประตูนิคม ทราบวามหาชนมาชุมกันแลวแลวก็พูดวา ผูใดเห็นวังคีสะผูนั้นจะไดทรัพย หรือไดยศ หรือไดไปสวรรค ดังนี้ ชนเปนอันมากฟงถอยคําของพราหมณเหลานั้นแลวใหสินจาง ตองการจะดู พระราชาและอํามาตยของพระราชาไปยังสํานักของ พราหมณเหลานั้นถามวา คุณวิเศษ คือการรูของอาจารยเปน อยางไร ทานทั้งหลายไมรูหรือ ชื่อวาบัณฑิตอื่นที่จะเหมือนกับ อาจารยของพวกเราไมมีในชมพูทวีปทั้งสิ้น ใหบุคคลนําศีรษะของ คนแมตายไปแลว ๓ ป เอาเล็บเคาะก็รูวา สัตวนี้ไปเกิดในที่โนน ฝายวังคีสะเพื่อจะตัดความสงสัยของมหาชนจึงใหนําชนเหลานั้น มาแลวใหบอกคติของตน ๆ อาศัยเหตุนั้นไดทรัพยจากมือของมหาชน รอยหนึ่งบาง พันหนึ่งบาง.
พวกพราหมณพาวังคีสะมาณพเที่ยวไปตามชอบใจแลวก็ มาถึงกรุงสาวัตถีอีก วังคีสะอยูในที่ไมไกลเชตวันมหาวิหาร คิดวา คนทั้งหลายพูดกันวา พระสมณะโคดมเปนบัณฑิต ก็แตวาเราไม ควรจะเทียวไปกระทํา ตามดําของพราหมณเหลานี้อยางเดียวทุก เวลา เราควรไปสํานักของบัณฑิตทั้งหลายบาง วังคีสมาณพนั้น กลาวกะพราหมณทั้งหลายวา ทานทั้งหลายจงไปเถิด เราจะไมไป เฝาพระสมณะโคดมกับใครเปนอันมาก พราหมณเหลานั้นบอกวา
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 416
วังคีสะทานอยาชอบใจเฝาพระสมณะโคดมเลย เพราะคนใดเห็น พระสมณะนั้น พระสมณะนั้นก็จะกลับใจบุคคลนั้นดวยมายากล วังคีสะไมเชื่อถือถอยคําของพราหมณเหลานั้น ไปเฝาพระศาสดา การทําปฏิสัณฐานดวยคําอันไพเราะ นั่ง ณ ที่สมควรสวนหนึ่ง. ครั้งนั้นพระศาสดาถามเธอวา วังคีสะ เธอรูศิลปอะไร
วังคีสะทูลตอบวา พระเจาขา ขาพระองครูฉวสีสมนต พระศาสดา ตรัสถามวา มนตนั้นทําอะไร วังคีสะทูลวา รายมนตนั้นแลวเอาเล็บ เคาะศีรษะของตนแมตายไปแลวถึง ๓ ป ก็รูที่เขาเกิดพระเจาขา พระศาสดาทรงแสดงศีรษะของคนที่เกิดในนรกศีรษะหนึ่งแก วังคีสะนั้น ของคนเกิดในมนุษยศีรษะหนึ่ง ของคนเกิดในเทวโลก ศีรษะหนึ่ง แสดงศีรษะของผูปรินิพพานแลวศีรษะหนึ่ง วังคีสะนั้น เคาะศีรษะแรกกราบทูลวาทานพระโคดม สัตวนี้ไปสูนรก
พระศาสดาตรัสตอบวา สาธุ สาธุ ทานเห็นดีแลว แลวตรัสถามวา สัตวนี้ไปไหน วังคีสะ ไปสูมนุษยโลก ทานพระโคดม สัตวนี้ละไปไหน วังคีสะทูลวา สัตวนี้ไปเทวโลก พระเจาคะ เขากราบทูลถึงสถานที่ไป ของคนทั้ง ๓ พวก ดวยประการฉะนี้ แตเมื่อเอาเล็บเคาะศีรษะ ของ ผูปรินิพพาน ก็ไมเห็นทั้งปลายทั้งตน. ทีนั้นพระศาสดาจึงตรัสถาม วังคีสะนั้นวา ทานไมอาจเห็นหรือวังคสะ วังคีสะมาณพทูลวา เห็นซิ ทานพระโคดม ขาพระองคของสอบสวนดูกอน แลวพลิกกลับไปกลับมา วังคีสะจักรูคติของพระขีณาสพดวยมนตของลัทธิภายนอกไดอยางไร เมื่อเปนเชนนั้น เหงื่อก็ผุดออกจากหนาผากของเขา เขาละอายแลวยืนนิ่ง ครั้งนั้นพระศาสดาตรัสกะเขาวา ลําบากหรือวังคีสะ วังคีสะมูลวา พระเจาขา ทานโคดมขาพระองคไมรูที่ไปของสัตวนี้ ถาพระองคทราบ
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 417
ขอจงตรัสบอกเถิด พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เรารูแมศีรษะนี้ แมยิ่ง กวานี้ก็รู ดังนี้แลวไดภาษิตพระคาถา ๒ คาถา นี้ในพระธรรมบทวา จุตึ โย เวทิ สตฺตาน อุปปตฺตึ จ สพฺพโส อสตฺตึ สุคต พุทฺธ ตมห พฺรูมิ พฺราหฺมณ ยสฺส คตึ น ชานนฺติ เทวา คนฺธพฺพมานุสา ขีณาสว อรหนฺต ตมห พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ
ผูใดรูจุติและอุปบัติ ของสัตวทั้งหลายโดยประ การทั้งปวง เราเรียกผูนั้น ผูไมของอยูแลว ไปดี แลว รูแลววาเปนพราหมณ. เทพคนธรรพและมนุษย ไมทราบคติของผูใด เราเรียกผูนั้น ผูมีอาสวะสิ้นแลว ผูเปนพระ- อรหันต วาเปนพราหมณ ดังนี้.
แตนั้น วังคีสะทูลวา ทานโคดม ผูแลกวิชากับวิชาไมมีความ เสื่อม ขาพระองคจักถวายมนตที่ขาพระองครูแดพระองค พระองค ไดโปรดตรัสบอกมนตนั้นแกขาพระองค พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เราจะไมแลกมนตดวยมนต เราจะใหอยางเดียวเทานั้น วังคีสะทูลวา ดีละทานโคดม ขอจงโปรดประทานแกขาพระองคเถิด แลวแสดง ความนอบนอมนั่งกระทําประณมมือแลว พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เมื่อสมัยทานเรียนมนตอันมีคามาก หรือมนตอะไรๆ ไมตองมีการ อยูอบรมหรือ วังคีสะ ไมมีดอกทานโคดม พระศาสดาตรัสวา ทานจะสําคัญวา มนตของเราไมมีการอบรมหรือ ขึ้นชื่อวา พราหมณ
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 418
ทั้งหลายยอมเปนผูไมอิ่มดวยมนต เพราะฉะนั้นวังคีสะนั้นจึงกราบทูล พระผูมีพระภาคเจาวา ทานพระโคดมขาพระองคก็จักกระทําขอ กําหนัดที่พระองคตรัสไว พระศาสดาตรัสวา วังคีสะ เราเมื่อจะ ใหมนตนี้ ยอมใหแกผูที่มีเพศเสมอกันกับเรา วังคีสะกลาวกะ พราหมณทั้งหลายวา ขาพเจาควรกระทํากิจอยางใด อยางหนึ่ง แลวไปเรียนมนตนี้ วังคีสะกลาววา ทานทั้งหลาย เมื่อขาพเจาบวช แลว ก็อยาคิดเลย ขาพเจาเรียนมนตแลวจักเปนผูยิ่งใหญทั่วชมพูทวีป เมื่อเปนเชนนั้น แมทานทั้งหลายก็จักมีความเจริญดวย จึง บวชในสํานักพระศาสดาเพื่อเรียนมนต.
พระศาสดาตรัสวา ทานจงอยูอบรมเพื่อเรียนมนตกอน แลวตรัสบอกอาการ ๓๒ สัตวผูมีปญญาเมื่อสาธยายอาการ ๓๒ อยูก็เริ่มตั้งความสิ้นไปและความเสื่อมไปในอาการ ๓๒ นั้น เจริญ วิปสสนาแลวบรรลุพระอรหัต เมื่อทานบรรลุพระอรหัตแลว พวก พราหมณทั้งหลายในสํานักของทานดวยคิดวา วังคีสะจะเปนอยางไร หนอเราจักไปเยือนเธอถามวา ทานวังคีสะ ทานเรียนศิลปะในสํานัก ของพระสมณโคดมแลวหรือ ว. เออเราเรียนแลว พ. ถาอยางนั้น มาเถอะ เราจะไปกัน ว. ทานจงไปกันเถอะ กิจที่จะไปกับทาน เราทําเสร็จแลว พราหมณทั้งหลายกลาววา พวกเราบอกทาน ไวกอนแลวเทียววา พระสมณะโคดม จะทําคนผูที่มาหาตนใหกลับ ใจดวยมายากล บัดนี้ตัวทานอยูในอํานาจของพระสมณะโคดมแลว พวกเราจักทําอะไรในสํานักของทาน ตางพากันหลีกไปแลวตาม ทางที่มานั้นแหละ ฝายพระวังคีสะเถระไปเฝาพระทศพลเวลาใดๆ ก็ไปกระทําความสดุดีอยางหนึ่งในเวลานั้นๆ ดวยเหตุนั้นพระ-
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 419
ศาสดาประทับนั่ง ณ ทามกลางพระสงฆทรงสถาปนาทานไวใน ตําแหนงเปนยอดของเหลาภิกษุผูมีปฏิภาณ.
จบ อรรถกถาสูตรที่ ๔