ประวัติพระพาหิยทารุจิริยะ
พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 431
อรรถกถาสูตรที่ ๘
ประวัติพระพาหิยทารุจิริยะ
ในสูตรที่ ๘ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้.
ดวยบทวา ขิปฺปาภิฺาน ทานแสดงวา พระทารุจิริยเถระ เปนยอดของภิกษุสาวกผูตรัสรูเร็ว จริงอยู พระเถระนี้ บรรลุพระอรหัตเมื่อจบพระธรรมเทศนาอยางยอ ไมมีกิจที่จะตองบริกรรม มรรคผลทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ทานจึงชื่อวา เปนยอดของภิกษุ สาวกผูตรัสรูเร็ว คนทั้งหลายตั้งชื่อทานวา พาหิยะ เพราะทาน เกิดในพาหิยรัฐ ตอมาภายหลังทานนุงผาทําดวยไม เพราะเหตุนั้น จึงชื่อวา ทารุจิริยะ ในปญหากรรมของทาน มีเรื่องเลาตามลําดับ ดังนี้ :-
แทจริง แมทานพาหิยทารุจิริยะนี้ ครั้งพระพุทธเจาพระนาม วา ปทุมุตตระ เกิดในเรือนสกุลในกรุงหงสวดี กําลังฟงธรรมของ พระทศพล เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุรูปหนึ่งในตําแหนง เอตทัคคะเปนยอดของเหลาภิกษุสาวกผูตรัสรูเร็ว จึงกระทํากุศล ใหยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตําแหนงนั้น กระทํากุศลกรรมจนตลอดชีวิต เวียนวายอยูในเหลาเทวดาและมนุษย เวลาศาสนาของพระกัสสปทศพลเสื่อมลง ก็กระทําสมณธรรมรวมกับเหลาภิกษุ ที่กลาวไวแตหนหลัง เปนผูมีศีลบริบูรณ สิ้นชีพแลวก็บังเกิดในเทวโลก
พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 432
ทานอยูในเทวโลก สิ้นพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธกาลนี้ ก็บังเกิด ในเรือนสกุล ในพาหิยรัฐ เจริญวัยก็ครองเรือน ดําริวาจะทําการ คาขาย จึงขึ้นเรือที่จะพาไปสุวรรณภูมิ ไมทันไปถึงถิ่นที่ปรารถนา เรือก็อัปปางลงกลางสมุทร มหาชน (ผูโดยสาร) ก็กลายเปนเหยื่อ ของเตาและปลา สวนพาหิยผูนี้เกาะขอนไมขอนหนึ่งไว ๗ วัน จึงขึ้นทาเรือชื่อสุปปารกะ ไดรูวาเปนถิ่นที่อยูของมนุษย คิดวา จะเขาไปหามนุษยโดยแบบไมมีผาติดตัว (เปลือย) ไมสมควร จึง ยึดเอาสาหรายที่หนองน้ําแหงหนึ่ง ซึ่งอยูไมไกลเอามาพันตัว ถือเอาภาชนะใบหนึ่ง ซึ่งตกอยูแถวๆ เทวสถาน เขาไปขอภิกษา (อาหาร) ผูคนทั้งหลายเห็นเขาแลวพากันคิดวา ถาในโลกนี้ ยังมีพระอรหันตอยูจริง พึงมีดวยวิธีอยางนี้ พระผูเปนเจาไมรับผา เพราะถืออยางอุตกฤษฐหรือหนอ หรือจะรับผาที่เขาให ดังนี้ จึงทดลองใหผาทั้งหลาย จากทิศตางๆ เขาคิดวา ถาไมมาโดยแบบนี้ คนเหลานี้ก็ไมพึงเลื่อมใสเรา จําเราจะพูดอยางใดอยางหนึ่งหลอกลวง คนเหลานี้ ทําอุบายเลี้ยงชีพก็สมควร จึงไมยอมรับผาทั้งหลาย พวกผูคนก็เลื่อมใสยิ่งๆ ขึ้นไป แมเขาจะกินอาหารก็ตองไปเทวสถานที่ไมไกล มหาชนก็เดินไปกับเขา บํารุงเทวสถานใหทาน เขาคิดวา คนเหลานี้เลื่อมใสเพียงการนุงสาหรายของเรา กระทําสักการะอยางนี้ เราจะเปนผูทําอุตกฤษฐขึ้นไป ก็ควรแกคนเหลานี้ ดังนี้แลว ก็ถือแผนกระดานไมที่เบาๆ ถากเสีย คลุมเปลือกไม ทําเปนผานุงหม เลี้ยงชีวิตอยู
ครั้งนั้น บรรดาชน ๗ คนที่ทําสมณธรรมครั้งพระพุทธเจาพระนามวา กัสสป ชนคนหนึ่งเปนภิกษุบังเกิดในพรหมโลกชั้น
พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 433
สุทธาวาส สํารวจดูสมบัติพรหมของตน ระลึกถึงสถานที่ชน ๗ คน มา ก็เห็นสถานที่ชน ๗ คนขึ้นเขากระทําสมณธรรม ระลึกถึง สถานที่ชน ๖ คนไปบังเกิด ก็รูวาคนหนึ่งปรินิพพานแลว อีก ๕ คน ไปบังเกิดในเทวโลกชั้นกามาวจร ยังระลึกถึงชนทั้ง ๕ คน เปนครั้งคราว เมื่อระลึกวา ในเวลานี้เขาอยูกันที่ไหนหนอ ก็เห็นทารุจิริยะ อาศัยทาเรือสุปปารกะเลี้ยงชีพดวยการหลอกลวง คิดวา ฉิบหายแลวหนอ ทารุจิริยะนี้โง กระทําสมณธรรมมาแตกาลกอน ไมยอมฉันบิณฑบาตที่แมพระอรหันตนํามา เพราะเปนผูถือกติกาอุตกฤษฐ ยิ่งนัก มาบัดนี้ ไมเปนอรหันต ก็ปฏิญญาวาเปนอรหันตเที่ยวลวงโลก เพราะเห็นแกทอง ทั้งไมรูวาพระทศพลบังเกิดแลว จําเราจะไป ทําเขาใหสลดใจ แลวใหเขารูวาพระทศพลบังเกิดแลว ในทันใดนั่นเอง ก็ออกจากพรหมโลก ไปปรากฏตัวตอหนาทารุจิริยะ ตอจากเวลาเที่ยงคืน ทีทาเรือสุปปารกะ เขาเห็นโอภาสสวางในที่อยูของตน จึงออกมาขางนอก เห็นองคมหาพรหม ประคองอัญชลี ประนมมือ ถามวา ทานเปนใคร มหาพรหมตอบวา เราเปนสหาย เกาของทาน บรรลุอนาคามิผล บังเกิดในพรหมโลก แตผูเจริญ ที่สุดหมดหัวหนาของพวกเราบรรลุพระอรหัตปรินิพพานแลว พวกทาน ๕ คน บังเกิดในเทวโลก เรานั้นเห็นทานเลี้ยงชีพดวยการหลอกลวงเขาในที่นี้ จึงมาเพื่อทรมาน แลวจึงกลาวเหตุนี้วา พาหิยะ ทานยังไมเปนอรหันต ยังไมปฏิบัติถึงอรหัตตมรรค ทานก็ไมมีปฏิปทา ที่จะเปนอรหันต หรือปฏิบัติถึงอรหัตตมรรค ลําดับ นั้น มหาพรหมบอกเขาวา พระศาสดาอุบัติแลว และประทับอยู ณ
พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 434
กรุงสาวัตถี ทานจงไปยังสํานักพระศาสดา แลวสงเขาไป ตนเอง ก็กลับพรหมโลก
แมทารุจิริยะ ถูกมหาพรหมทําใหสลดใจแลว ก็คิดจักแสวงหาทางพน จึงเดินทาง ๑๒๐ โยชนโดยพักคืนเดียว ประจวบพระศาสดาเสด็จเขาไปบิณฑบาต ณ ละแวกบาน หมอบลงแทบมหายุคลบาท พระศาสดา ทูลออนวอนถึง ๓ ครั้งวา ขอพระผูมีพระภาคเจาทรง แสดงธรรมโปรดขาพระบาทเถิด พระเจาขา ขอพระสุคตทรง แสดงธรรมโปรดขาพระบาทเถิด พระเจาขา
พระศาสดาทรง ทราบวา ญาณของพาหิยะแกกลาแลว ดวยเหตุเทานี้ จึงทรงสอนดวยพระโอวาทนี้วา เพราะเหตุนี้แล พาหิยะ เธอพึงศึกษาอยางนี้ วารูปที่เห็นแลว จักเปนเพียงเห็นแลว ดังนี้เปนตน เมื่อจบเทศนา แมพาหิยะนั้น ทั้งที่อยูระหวางถนนสงญาณไปตามกระแสเทศนา ก็บรรลุพระอรหัตพรอมดวยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย พาหิยะนั้น ถึงที่สุดกิจของตนแลว ทูลขอบรรพชากะพระผูมีพระภาคเจา แสวงหาบาตรจีวร เพราะยังมีบาตรจีวรไมครบ กําลังดึงชิ้นผาทั้งหลายจากกองขยะ ลําดับนั้น อมนุษยผูมีเวรกันมาแตกอน เขาสิงรางของแมโคลูกออนตัวหนึ่ง ทําทานใหเสียชีวิต พระศาสดาเสด็จออกจากกรุงสาวัตถี ทอดพระเนตรเห็นพาหิยะลมอยูที่กองขยะระหวางทาง ตรัสบอกเหลาภิกษุวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงชวยกันยกรางพาหิยะ แลวใหนําไปทําฌาปนกิจ โปรดใหสรางเจดีย ไว ณ ทางใหญ ๔ แพรง จากนั้น เกิดพูดกันกลางสงฆวา พระตถาคต รับสั่งใหภิกษุสงฆทําฌาปนกิจรางของพาหิยะ เก็บธาตุมา แลวโปรดใหสรางเจดียไว พาหิยะนั้นกระทําใหแจงมรรค
พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 435
อะไรหนอ เขาเปนสามเณรหรือหนอ ภิกษุทั้งหลายเกิดจิตคิดกัน ดังนี้ พระศาสดาทรงปรารภถอยคํานั้น ใหเปนอัตถุปปตติเหตุ เกิดเรื่อง แลวตรัสวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พาหิยะเปนบัณฑิต ทรงขยายพระธรรมเทศนาไว แลวทรงประกาศวา พาหิยะนั้น ปรินิพพานแลว เรื่องที่พูดกันนั้น เกิดขึ้นกลางสงฆอีกวา พระศาสดามิไดทรงแสดงธรรมมากเลย ตรัสวา พาหิยะบรรลุพระอรหัต นี่เรื่องอะไรกัน
พระศาสดาตรัสวา ธรรมนอยหรือมาก ไมใชเหตุ ธรรมนั้นก็เหมือนยาแกคนที่ดื่มยาพิษ แลวตรัสคาถา ในพระธรรมบทวา สหสฺสมป เจ คาถา อนตฺถปทสฺหิตา เอก คาถาปท เสยฺโย ย สุตฺวา อุปสมฺมติ ถาคาถา ถึงพันคาถา ที่ประกอบดวยบท อันไมเปนประโยชน ก็ประเสริฐสูคาถาบทเดียว ไมได ที่ฟงแลวสงบระงับ
จบเทศนา สัตวแปดหมื่นสี่พัน ก็พากันดื่มน้ําอมฤต ก็แตวา เรื่อง ของพระพาหิยะนี้ ไมจําตองกลาวไวพิสดาร เพราะมาในพระสูตร แลว แตตอมาภายหลังพระศาสดาประทับนั่งกลางสงฆ ทรงสถาปนาทานพาหิยเถระไวในตําแหนงเอตทัคคะ เปนยอดของภิกษุสาวกผูตรัสรูเร็วแล
จบ อรรถกถาสูตรที่ ๘