เริ่มสะสมกุศลตั้งแต่ขณะนี้
หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๔๕๙]
เริ่มสะสมกุศลตั้งแต่ขณะนี้
สำหรับความโกรธ ซึ่งทุกคนที่ไม่ใช่พระอนาคามีบุคคลต้องมี เพราะเหตุว่ามีปฏิฆานุสัยซึ่งยังไม่ได้ดับเชื้อของความโกรธจนหมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) บางคนเป็นผู้มีอัธยาศัยน่ารัก มีอัธยาศัยดี มีจิตใจงาม มีความเมตตา มีความกรุณาทุกอย่าง เกือบจะดูเหมือนว่าไม่เห็นโกรธ แต่ว่าเมื่อไม่ใช่พระอนาคามีบุคคลต้องโกรธแน่แม้ว่าไม่มาก ความขุ่นใจ ความไม่พอใจ เวลาประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ซึ่งในวันหนึ่งๆ ต้องมีมากใช่ไหม? เช่น สถานที่ที่ไม่สะอาด เวลาเห็นแล้วยากที่ใจจะไม่เกิดความไม่ขุ่น คือขณะนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ ความไม่สบายใจนั้นก็เป็นลักษณะของโทสะชนิดหนึ่ง
เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า แต่ละวันๆ ก็มีแต่เรื่องซึ่งจะให้ ถ้าเป็นผู้ละเอียดแล้วจะเห็นได้ว่าขุ่นใจนิดเดียว รู้สึกตัวได้แล้วว่านั่นคือความโกรธซึ่งยังไม่ได้ดับ จึงมีปัจจัยที่จะเกิดอีก แม้ว่าจะไม่มาก ไม่ต้องถึงกับความโกรธอย่างแรงที่จะแสดงออกมาทางกายหรือทางวาจา แต่ว่าจิตของใครที่มีความโกรธหรือความขุ่นเคืองใจเกิดขึ้น บุคคลนั้นรู้คนอื่นไม่สามารถที่จะรู้ได้ เพราะฉะนั้นทันทีที่ความโกรธปรากฏ ขณะนั้นผู้ที่อบรมเจริญเมตตาเป็นผู้ที่ละเอียด ก็จะต้องรู้แล้วว่าขณะนั้นเป็นอกุศล เพราะเหตุว่าถ้าไม่สะอาดโกรธคนที่ทำให้ไม่สะอาดหรือเปล่า? บางทีเรื่องของชาติชั้นวรรณะ ฐานะ เชื้อชาติ ก็เข้ามาอีกแล้วใช่ไหม? นั่นก็เป็นเรื่องที่สังขารขันธ์ปรุงแต่งไกลมากออกไป จนกระทั่งถึงชื่อ ถึงชาติ ถึงฐานะ ถึงอะไรต่างๆ
เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาละเอียดจริงๆ ว่า ทุกคนที่ยังไม่ใช่พระอนาคามีบุคคล ยังต้องมีความโกรธเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ถ้าเพียงโกรธขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่คิดที่จะโกรธซ้ำอีกดีไหม? เมื่อมีปัจจัยให้ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจจะเกิดก็เกิด เกิดแล้วก็ดับ ดับแล้วหมดก็จบ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ ก็จะไม่เป็นความคิดโกรธซึ่งไม่จบ แล้วก็คิดอีก แล้วก็โกรธอีก แล้วจนกระทั่งถึงไม่ลืม เวลาที่โกรธจนไม่ลืม สังขารขันธ์ก็จะปรุงแต่งต่อไปอีก จนกระทั่งถึงกับเป็นความพยาบาท เป็นความขุ่นเคืองที่คิดจะประทุษร้าย หรือก่อร้าย หรือปองร้าย
เพราะฉะนั้นถ้าไม่เจริญเมตตา ก็จะระงับความพยาบาทนั้นไม่ได้เลย ถ้าเห็นโทษภัยของความคิดร้าย ความปองร้าย ความประทุษร้าย ความพยาบาท จะเป็นผู้ที่เริ่มเจริญเมตตาแม้ในขณะนี้เอง เพราะเหตุว่าทุกคนคิดว่ามีชีวิตยืนยาวมาก แต่ความจริงชีวิตของทุกคนดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว
เพราะว่าจิตเกิดขึ้นขณะหนึ่งแล้วก็ดับ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้นแล้วก็ดับ แต่ว่าเกิดดับอย่างรวดเร็ว จนเมื่อไม่รู้ว่าเป็นจิตแต่ละขณะซึ่งเกิดดับ ก็เป็นเราซึ่งเดี๋ยวเป็นกุศล เดี๋ยวเป็นอกุศล เดี๋ยวก็เป็นสุข เดี๋ยวก็เป็นทุกข์ ความจริงเป็นจิตแต่ละขณะ แล้วก็เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเดียวจริงๆ
เพราะฉะนั้นถ้าขณะนี้เมตตาไม่เกิด อกุศลจิตเกิด และขณะต่อๆ ไปอีก เมตตาก็ยังไม่เกิดอีก อกุศลจิตก็เกิดต่อๆ ไปอีก เพราะฉะนั้นกว่าจะเจริญเมตตาได้ก็ต้องลำบากมากทีเดียว ถ้าไม่เจริญเมตตาเสียเดี๋ยวนี้
เพราะฉะนั้นกุศลทุกอย่างอยู่ที่ขณะนี้เอง ถ้าจะอบรมก็เริ่มตั้งแต่ขณะนี้
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย