ประวัตินางวิสาขามิคารมารดา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ ๘๖
อรรถกถาสูตรที่ ๒
ประวัตินางวิสาขามิคารมารดา
ในสูตรที่ ๒ พึงทราบวินิจฉัยดังตอไปนี้
ดวยบทวา ทายิกาน ทานแสดงวา นางวิสาขามิคารมารดา เปนเลิศกวาพวกอุบาสิกาผูยินดียิ่งในการถวายทาน. ดังไดสดับมานางวิสาขานั้น ครั้งพระพุทธเจาพระนามวาปุทุมุตตระ บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี ตอมากําลังฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสิกาผูหนึ่งไวในตําแหนง เอตทัคคะเปนเลิศกวาพวกอุบาสิกาผูยินดีในการถวายทาน จึงทํากุศลใหยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตําแหนงนั้น นางเวียนวายอยูในเทวดาและมนุษยถึงแสนกัป ครั้งพระพุทธเจาพระนามว่า กัสสปะ บังเกิดเปนราชธิดาองคนองนอยกวาเขาทั้งหมด แหงพระราชธิดาพี่นอง ๗ พระองค ในพระราชนิเวศนของพระเจากิงกิ. ก็ครั้งนั้น พระราชธิดาพี่นอง ๗ พระองคคือ สมณี สมณคุตตา ภิกขุนี ภิกขุทาสิกา ธัมมา สุธัมมา และสังฆทาสี ครบ ๗ พระราชธิดาเหลานั้น ในบัดนี้ [ครั้งพุทธกาล] คือ พระเขมา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 87
พระอุบลวรรณา พระปฏาจารา พระโคตมี พระธรรมทินนา พระนางมหามายา และนางวิสาชา ครบ ๗
บรรดาพระราชธิดาเหลานั้น พระนางสังฆทาสีเวียนวายอยูในเทวดาและมนุษยถึงพุทธันดรหนึ่ง ในพุทธุปบาทกาลนี้บังเกิดในครรภ ของนางสุมนเทวีภริยาหลวงของธนัญชัยเศรษฐี บุตรของเมณฑกเศรษฐี ภัททิยนคร แควนอังคะ. บิดามารดาไดตั้งชื่อนางวาวิสาขา. เวลานางมีอายุได ๗ ขวบ พระทศพลทรงเห็นอุปนิสัยสมบัติของเสลพราหมณ และเหลาสัตวพวกจะตรัสรูอื่นๆ มีภิกษุสงฆเปนบริวาร เสด็จจาริกไป ถึงนครนั้น ในแควนนั้น.
สมัยนั้น เมณฑกคฤหบดี เปนหัวหนาของเหลาผูมีบุญมาก ๕ คน ครองตําแหนงเศรษฐี. เหลาผูมีบุญมาก ๕ คน คือ เมณฑกเศรษฐี ๑ ภริยาแสวงของเขา ชื่อจันทปทุมา ๑ บุตรของเขา ชื่อธนัญชัย ๑ ภริยาของธนัญชัยนั้น ชื่อสุมนเทวี ๑ ทาสของเมณฑกเศรษฐี ชื่อปุณณะ ๑. มิใชแตเมณฑกเศรษฐีอยางเดียวดอก ถึงในราชอาณาจักรของพระเจาพิมพิสาร ก็มีบุคคลผูมีโภคสมบัตินับไมถวนถึง ๕ คน คือ โชติยะ ชฏิละ เมณฑกะ ปุณณะ และกากพลิยะ. บรรดาคนทั่ง ๕ นั้น เมณฑกเศรษฐีนี้ ทราบวาพระทศพลเสด็จมาถึงนครของตน จึงเรียกเด็กหญิงวิสาขา ธิดาธนัญชัยเศรษฐีผูเปนบุตร มาแลวสั่งอยางนี้วา แมหนู เปนมงคลทั้งเจา ทั้งปู เจาจงพาเกวียน ๕๐๐ เลม พรอมดวย เด็กหญิง ๕๐๐ คน บริวารของเจามีทาสี ๕๐๐ นาง เปนบริวาร จงทําการรับเสด็จพระทศพล. นางฟงคําของปูก็ปฏิบัติตาม. แตเพราะนาง เปนผูฉลาดในเหตุและมิใชเหตุ นางก็ไปดวยยาน เทาที่พื้นที่ยานจะไป
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 88
ไดแลว ก็ลงจากยานเดินไปเขาเฝาพระศาสดา ถวายบังคมแลว ยืน ณ ที่ สมควรสวนหนึ่ง. ครั้งนั้น พระศาสนาทรงแสดงธรรมโปรดดวยอํานาจจริยาของนาง. จบเทศนา นางก็ดํารงอยูในโสดาปตติผล พรอมกับ เด็กหญิง ๕๐๐ คน แมเมณฑกเศรษฐี ก็เขาไปเฝาถวายบังคมพระศาสดา แลวนั่ง ณ ที่สมควรสวนหนึ่ง. พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรด ดวยอํานาจจริยาของเศรษฐีนั้น. จบเทศนา เมณฑกเศรษฐีก็ดํารงอยูในโสดาปตติผล อาราธนาพระศาสดา เพื่อเสวยในวันพรุง. วันรุงขึ้น ก็เลี้ยงดูพระภิกษุสงฆ มีพระพุทธเจาเปนประมุข ดวยอาหารอยางประณีต ในนิเวศนของตน ไดถวายมหาทานโดยอุบายนั้น ครึ่งเดือน. พระศาสดา ประทับอยู่ ณ ภัททิยนคร ตามพุทธอัธยาศัยแลวก็เสด็จหลีกไป. พึงวิสัชนากถามรรคอื่นตอจากนี้แลว กลาวเรื่องการเกิดของนางวิสาขา. จริงอยู ในกรุงสาวัตถี พระเจาโกศลทรงสงขาวสาสนไปยังสํานัก ของพระเจาพิมพิสารวา ในราชอาณาเขตของหมอมฉัน ชื่อวา สกุลที่ได โภคสมบัตินับไมถวนไมมีเลย สกุลที่ไดโภคสมบัตินับไมถวนของพระองค มีอยู ขอไดโปรดทรงสงสกุลที่ไดโภคสมบัตินับไมถวนไปใหหมอมฉัน ดวยเถิด. พระราชาทรงปรึกษากับเหลาอํามาตย. เหลาอํามาตยปรึกษากันวา ไมอาจสงสกุลใหญๆ ไป แตเราจะสงเฉพาะบุตรเศรษฐีคนหนึ่งไป จึงขอรองธนัญชัยเศรษฐี บุตรเมณฑกเศรษฐี. พระราชาทรงสดับคําปรึกษาของอํามาตยเหลานั้น ก็ทรงสงธนัญชัยเศรษฐีไป. ครั้งนั้น พระเจาโกศลพระราชทานตําแหนงเศรษฐีใหเขาอยูในนครสาเกต ทายกรุงสาวัตถีไป ๗ โยชน. ก็ในกรุงสาวัตถี บุตรของมิคารเศรษฐี ชื่อ ปุณณวัฒนกุมารเจริญวัยแลว. ขณะนั้น บิดาของเขารูวา บุตรของเรา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 89
เจริญวัยแลว เปนสมัยที่จะผูกพันดวยฆราวาสวิสัย จึงสงคนทั้งหลายผูฉลาด ในเหตุและมิใชเหตุไป ดวยสั่งวา พวกทานจงเสาะหาเด็กหญิงในสกุล ที่มีชาติเสมอกับเรา. คนเหลานั้นไมพบเด็กหญิงที่ตองใจตนในกรุงสาวัตถี จึงพากันไปนครสาเกต.
วันนั้นนั่นเอง วิสาขามีหญิงสาว ๕๐๐ คน ที่มีวัยรุนเดียวกัน แวดลอม พากันไปยังบึงใหญแหงหนึ่ง เพื่อเลนนักษัตรฤกษ คนแม เหลานั้น เที่ยวไปภายในนคร ก็ไมพบเด็กหญิงที่ถูกใจคน จึงยืนอยู นอกประตูเมือง ขณะนั้น ฝนเริ่มตก. เหลาเด็กหญิงที่ออกไปกับนางวิสาขาก็รีบเขาศาลา เพราะกลัวเปยกฝน คนเหลานั้นไมพบเด็กหญิง ตามที่ปรารถนา ในระหวางเด็กหญิงเหลานั้น. แตนางวิสาขาอยูขางหลังเด็กหญิงเหลานั้นทั้งหมด ไมนําพาฝนที่กําลังตก เปยกปอนเขาไปยังศาลาเพราะไมรีบเดิน คนเหลานั้นเห็นนางแลวก็คิดวา เด็กหญิงคนนี้สะสวย ยิ่งกวาแมเด็กหญิงคนอื่นๆ ก็รูปนี้นั้นเปนสิ่งที่หญิงบางพวกตกแตงได เหมือนชางทํารถ ตกแตงลอรถไดฉะนั้น จึงกลาวตอไปวา จําเราจําตองรูวา เด็กหญิงคนนี้พูดไพเราะหรือไม. ดังนั้นจึงกลาวกะนางวา แมหนู เจาเหมือนกับสตรีที่มีวัยเปนผูใหญฉะนั้น. นางจึงถามวา พอทาน พวกทานเห็นอะไรจึงกลาว. คนเหลานั้นตอบวา หญิงสาวที่เลนกับเจา คนอื่นๆ รีบมาเขาศาลา เพราะกลัวเปยกฝน สวนเจาเหมือนหญิงแก ไมรีบสาวเทามา ไมนําพาวาผาจะเปยก ถาชางหรือมาไลตามเจาอยางนี้ นี่แล เจาจะทําอยางไร. นางกลาววา พอทาน ขึ้นชื่อวาผาหาไดไมยาก ในสกุลของฉันหาไดงาย สวนผูหญิงเจริญวัยแลว ก็เปนเหมือนสินคาที่เขาขาย เมื่อมือหรือเทาหักไป คนทั้งหลายเห็นผูหญิงที่เรือนรางบกพรอง
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 90
ก็รังเกียจ ถมน้ําลายหนีไป เพราะเหตุนั้นฉันจึงคอยๆ เดินมา คนเหลานั้นคิดวา ชื่อวา หญิงในชมพูทวีปนี้ไมมีจะเทียบกับเด็กหญิงคนนี้ ไมมีที่จะเทียบกัน ทั้งรูปทั้งคําพูด รูเหตุและมิใชเหตุ แลวจึงพูด ดังนี้แลวก็เหวี่ยงพวงมาลัยไปบนนาง. ขณะนั้น นางวิสาขา คิดวา เราไมถูกเขาหวงแหนมากอน แตบัดนี้ เราถูกเขาหวงแหนแลว จึงนั่งลงที่พื้นดินโดยอาการที่จะถูกเขานําไปแลว. ครั้งนั้น คนทั้งหลาย จึงเอาทานกั้นลอมนางไวตรงนั้นนั่งเอง. นางรูวาเขาปดกั้นไว ก็มีหมูทาสี หอมลอมกลับไปเรือน. คนของมิคารเศรษฐีเหลานั้น ก็พากันไปสํานัก ธนัญชัยเศรษฐีพรอมกับนาง เมื่อเศรษฐีถามวา พอคุณ พวกทานเปน ชาวบานไหน ก็ตอบวา พวกเราเปนคนของมิคารเศรษฐี กรุงสาวัตถี ทราบวา ที่เรือนทานมีเด็กหญิงเจริญวัยแลว ทานจึงสงพวกเรามา ธนัญชัยเศรษฐีกลาววา ดีละ พอคุณ เศรษฐีของพวกทานเทียบกับเราไมไดทางโภคสมบัติก็จริง แตก็เทาเทียมกันโดยชาติ. ธรรมดาวา คนที่เพียบพรอมดวยอาการทุกอยางหาไดยาก. พวกทานจงไปบอก เศรษฐีวา เรายอมรับ. คนเหลานั้นสดับคําของธนัญชัยเศรษฐีนั้นแลว ก็กลับไปกรุงสาวัตถี แจงความยินดีและความเจริญแกมิคารเศรษฐีแลว กลาววา นายทาน พวกเราไดเด็กหญิงในเรือนของธนัญชัยเศรษฐีแลว มิคารเศรษฐีฟงดังนั้น ก็ดีใจวา พวกเราไดเด็กหญิงในเรือนของสกุลใหญ จึงสงขาวไปบอกธนัญชัยเศรษฐีทันทีวา บัดนี้เราจักนําเด็กหญิงมา โปรดกระทํากิจที่ควรทําเสีย. แมธนัญชัยเศรษฐีก็สงขาวตอบมิคารเศรษฐีไปวา เรื่องนี้ไมเปนการหนักสําหรับเราเลย เศรษฐีโปรดการทํากิจที่ควรทํา สําหรับคนเถิด. มิคารเศรษฐีจึงไปเขาเฝาพระเจาโกศลกราบทูลวา ขาแต่
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 91
เทวะ. เด็กหญิงผูมีกิริยาเปนมงคลแกขาพระองคมีอยูคนหนึ่ง เด็กหญิงนั้น ชื่อวิสาขา ธิดาของทานธนัญชัยเศรษฐี ขาพระองคจักนํามาใหแก ปุณณวัฒนกุมาร ทาสของพระองค ขอทรงโปรดอนุญาตใหขาพระองค ไปนครสาเกตเถิดพระเจาขา. พระราชารับสั่งวา ดีละทานเศรษฐี ถึงเรา ก็ควรจะมาดวยมิใชหรือ. เศรษฐีกราบทูลวา ขาแตเทวะ ขาพระองค จะบังอาจใหบุคคลเชนพระองคเสด็จไดอยางไรเลา. พระราชามีพระราชประสงคจะทรงสงเคราะหสกุลใหญ ทรงรับวา อาเถิด ทานเศรษฐี เราจักมาดวย แลวก็เสด็จไปยังนครสาเกตพรอมดวยมิคารเศรษฐี.
ธนัญชัยเศรษฐีรูวา มิคารเศรษฐีพาพระเจาโกศลมาดวย จึงออกไปรับเสด็จ พาพระราชาไปยังนิเวศนของตน. ทันใดนั้นเอง ก็จัดสถานที่อยู และมาลัยของหอมเปนตน ไวพรอมสรรพ สําหรับพระราชา สําหรับทหารของพระราชา และสําหรับมิคารเศรษฐี รูกิจทุกอยางดวยตนเองวา สิ่งนี้ควรไดแกผูนี้ สิ่งนี้ควรไดแกผูนี้. ชนนั้นๆ ก็คิดวา ทานเศรษฐี กระทําสักการะแกเราเทานั้น. ตอมาวันหนึ่ง พระราชาทรงสงขาวไปบอก ธนัญชัยเศรษฐีวา ทานเศรษฐีไมอาจจะเลี้ยงดูพวกเราไดนานๆ ขอทานเศรษฐีจงกําหนดเวลาที่เด็กหญิงจะไปเถิด. แมธนัญชัยเศรษฐี ก็สงขาว ถวายพระราชาวา บัดนี้ฤดูฝนมาถึงแลว ทหารของพระองคจะเที่ยวไป ตลอด ๔ เดือนคงไมได กิจใดๆ ควรจะได กิจนั้นทั้งหมดเปนภาระของขาพระองค ขอเทวะโปรดเสด็จไปเวลาที่ขาพระองคสงธิดาไปอยางเดียวเถิด พระเจาขา. นับแตนั้นมา นครสาเกตก็ไดเปนเหมือนตําบล บานที่นีงานนักษัตรฤกษอยูเปนนิตย. ลวงไป ๓ เดือนโดยอาการอยางนี้. เครื่องประดับชื่อมหาลดาประสาธนสําหรับธิดาของธนัญชัยเศรษฐีก็ยัง
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 92
ไมเสร็จ. ครั้งนั้น เหลาเจาหนาที่ประจํางานก็มาบอกธนัญชัยเศรษฐีวา ขึ้นชื่อวาสิ่งที่ไมมีสําหรับชนเหลานั้นไมมีดอก แตฟนใชหุงตมสําหรับทหารไมเพียงพอ. ธนัญชัยเศรษฐีจึงสั่งวา พอเอย ไปรื้อโรงชางโรงมา เอาไมมาใชหุงตมอาหารเถิด. เมื่อหุงตมกันอยูอยางนี้ลวงไปครึ่งเดือน แตนั้น เหลาเจาหนาที่ก็มาบอกอีกวา ฟนยังไมพอ. ธนัญชัยเศรษฐี ก็สั่งวา พอเอย ในฤดูนี้เราหาฟนไมไดอีกแลว พวกทานจงเปดเรือน คลังผา เอาผาชนิดหยาบๆ มาฟนเปนเกลียวชุบในถังน้ํามัน ใชหุงตม อาหารเถิด. เมื่อหุงตมโดยทํานองนี้ก็เต็ม ๔ เดือน . ตอนั้น ธนัญชัย เศรษฐีรูวาเครื่องประดับมหาลดาประสาธนสําหรับธิดาเสร็จแลว จึงสั่งวา พรุงนี้เราจะสงธิดาไป จึงเรียกธิดาเขามานั่งใกลๆ ไดใหโอวาทวา ลูกเอย ธรรมดาวาสตรีจะอยูในสกุลสามีควรจะศึกษามาร ยาทอยางนี้ อยางนี้. มิคารเศรษฐีนั่งอยูภายในหองก็ไดยินโอวาทของธนัญชัยเศรษฐี. แม ธนัญชัยเศรษฐีก็โอวาทธิดาอยางนี้วา ลูกเอย ธรรมดาวาสตรีผูจะอยูในสกุลบิดาของสามี ไฟในก็ไมพึงนําออก ไฟนอกก็ไมพึงนําเขา พึงใหแกผูที่ให ไมพึงใหแกผูที่ไมให พึงใหทั้งแกผูที่ให ทั้งแกผูที่ไมให พึงนั่งเปนสุข พึงบริโภคเปนสุข พึงนอนเปนสุข พึงบําเรอไฟ พึงนอบนอมเทวดาภายใน ครั้นใหโอวาท ๑๐ อยางนี้ดังนี้แลว วันรุงขึ้น ก็ประชุมนายกองทุกกอง จัดกุฎมพี ๘ นัย ในพวกเสนาของพระราชา เปนนายประกัน แลวกลาววา ถาความผิดเกิดแกธิดาของเราในที่ๆ ไป แลวไชร พวกทานพึงชําระ แลวใหประดับธิดาดวยเครื่องประดับ มหาลดาประสาธน มีคา ๙ โกฏิ ใหทรัพย ๕๔ เลมเกวียน เปนมูลคา สําหรับผงเครื่องหอมสําหรับผสมน้ําอาบ ใหทาสีรูปสวยคอยปรนนิบัติใน
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 93
เวลาเดินทางประจําธิดา ๕๐๐ นาง รถเทียมมาอาชาไนย ๕๐๐ คัน สักการะทุกอยางๆ ละ ๑๐๐. ชี้แจงใหพระเจาโกศล และมิคารเศรษฐีทราบแลว เวลาธิดาไปเรียกเจาหนาทีควบคุมดอกโคมา สั่งวา พอเอย ในที่ๆ ธิดาเราไปแลว ใหเตรียมโคมาไว เพื่อธิดาเราตองการดื่มน้ํานม. ใหเตรียมโคใชงานไว เพื่อธิดาเราตองการเทียมยาน เพราะเหตุนั้น พวกทานพึงเปดประตูคอกโค ในหนทางที่ธิดาเราไป เอาโคใชฐาน ๘ ตัว ที่อวนพีจัดเปนดวยนําฝูงโคถึงซอกเขาชื่อโนน มีเนื้อที่ประมาณ ๓ คาวุต เมื่อฝูงโคถึงที่นั้นแลว พึงตีกลองเปนสัญญาณใหเปดประตูคอกโค. คนเหลานั้นรับคําของเศรษฐีวา ดีละ แลวปฏิบัติตามคําสั่งนั้น. เมื่อประตู คอกเปดออกแลว แมโคทั้งหลายที่อวนพีก็ออกไป แตเมื่อประตูปด เหลาใดที่ฝกโคมีกําลัง และโคดุ ก็โลดแลนออกไปขางนอก แลวเดินตามทางไป เพราะแรงบุญของนางวิสาขา.
ครั้งนั้น เวลาถึงกรุงสาวัตถี นางวิสาขาคิดวา เราจะนั่งในยานที่ปกปดเขาไปหรือยืนบนรถเขาไปดีหนอ. ขณะนั้น นางดําริวา เมื่อเรา เขาไปดวยยานที่ปกปด ความวิเศษของเครื่องประดับมหาลดาประสาธน จักไมมีใครรูกันทั่ว นางแสดงตัวทั่วนคร ยืนบนรถเขาสูพระนคร. ชาวกรุงสาวัตถี เห็นสมบัติของนางวิสาขาแลว พากันกลาววา เขาวา สตรีผูนี้ ชื่อนางวิสาขา และสมบัติเห็นปานนี้ ก็สมควรแกนางทีเดียว นางเขาไปเรือนมิคารเศรษฐี ดวยสมบัติอยางใหญ ดวยประการฉะนี้. ก็ในวันที่นางมาถึง ชาวกรุงทั่วไปตางก็สงเครื่องบรรณาการตามกําลั สามารถไปดวยกลาววา ธนัญชัยเศรษฐีของเราไดกระทําสักการะอยางใหญแกผูคนที่มาถึงนครของตน. นางวิสาขา สั่งใหใหเครื่องบรรณาการ
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 94
ตอบการที่ชาวกรุงสงไปๆ ทั่วไปในสกุลของกันและกันในนครนั้นนั่นเอง. ขณะนั้น ลําดับอันเปนสวนแหงราตรี แมมาแสนรูตัวหนึ่ง ตกลูก. นางจึงใชใหเหลาทาสีถือคบไฟไปที่นั้น ใหอาบน้ําอุนใหแมมา ใชน้ํามัน ชโลมตัวใหแมมา แลวก็กลับไปสถานที่อยูของตน. ฝายมิคารเศรษฐี ทําการฉลองงานอาวาหมงคลแกบุตร ๗ วัน ไมสนใจพระตถาคตแมประทับ อยูวิหารใกลๆ วันที่ครบ ๗ วัน เชิญเหลาชีเปลือยใหนั่งเต็มไปทั่วทั้ง นิเวศน สงขาวบอกนางวิสาขาวา ธิดาของเราจงมาไหวพระอรหันต ทั้งหลาย. นางเปนพระอริยสาวิกาชั้นโสดาบัน ไดฟงวา พระอรหันต ทั้งหลาย ดังนี้ ก็ราเริงยินดี เดินไปยังสถานที่นั่งของชีเปลือยเหลานั้น มองดูชีเปลือยเหลานั้นแลวคิดวา ชีเปลือยเหลานี้ไมใชพระอรหันต จึงตําหนิวา เหตุไรทานพอ จึงใหเรียกขาพเจามายังสํานักของเหลาคนที่ เวนจากหิริโอตตัปปะ ดังนี้ แลวก็กลับไปสถานที่อยูของตนเสีย. เหลาชีเปลือยเห็นนางแลว ทั้งหมดก็ติเตียนเศรษฐีในทันทีนั่นแหละวา ทานคฤหบดี ทานหาหญิงคนอื่นไมไดหรือ เหตุไรทานจึงเชิญหญิงผูนี้ซึ่งเปนสาวิกาของพระสมณโคดม ตัวกาลกิณีใหญใหเขาไปในเรือน จงรีบนําหญิงผูนั้นออกไปเสียจากเรือนนี้. ลําดับนั้น เศรษฐีคิดวาเราไมอาจขับไล หญิงผูนี้ออกไปจากเรือนตามคําของชีเปลือยเหลานี้ได เพราะหญิงผูนี้เปนธิดาของสกุลใหญ จึงกลาววา ทานอาจารยทั้งหลาย ขึ้นชื่อวาตนหนุมสาวทั้งหลาย พึงทําทั้งที่รูบางทั้งที่ไมรูบาง ขอพวกทานจงนิ่งๆ ไว แลวก็ สงเหลาชีเปลือยกลับไป นั่งบนแทนใหญ อันนางวิสาขาถือชอนทอง เลี้ยงดูอยู บริโภคขาวมธุปายาสมีน้ํานอยในถาดทอง. สมัยนั้น พระเถระผูถือบิณฑบาตเปนวัตร เที่ยวไปบิณฑบาตมา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 95
ถึงประตูเรือนของเศรษฐี. นางวิสาขาเห็นพระเถระแลวคิดวาไมควรบอกบิดาสามี ดังนี้ ทั้งที่เศรษฐีนั้นก็เห็นพระเถระนั้น ผูยังไมจากไป คงยังยืนอยูอยางนั้น. แตเศรษฐีนั้นเปนคนพาล แมเห็นพระเถระก็ทําเปนเหมือนไมเห็น กมหนาบริโภคขาวมธุปายาสเรื่อยไป. นางวิสาขาก็รูไดวา บิดาสามีของเราแมเห็นพระเถระก็ไมทําอาการวาเขาใจ จึงเขาไปหาพระเถระกลาววา โปรดไปขางหนากอนเถิด เจาขา บิดาสามีของดิฉันกําลังกินบุญเกา. เศรษฐีนั้น เวลาที่เหลานิครนถวากลาวคราวกอนก็อดกลั้นได แตในขณะที่นางวิสาขากลาววากินบุญเกาก็วางมือ สั่งวา พวกเจาจงนําขาวปายาสนี้ออกไปจากที่นี้ และจงนําหญิงผูนี้ออกไปจากเรือนหลังนี้ ดวยวา หญิงผูนี้ทําใหเราชื่อวาเปนผูกินของไมสะอาดในเรือนมงคลเห็นปานนี้. แตวาในนิเวศนนั้นแล ทาสและกรรมกรเปนตน ทั้งหมดเปนสมบัติของนางวิสาขา ไมมีใครๆ สามารถจะจับมือเทานางได ขึ้นชื่อวาผูสามารถจะกลาวดวยปากก็ไมมี. เมื่อนางวิสาขาฟงคําของบิดา สามีแลวกลาววา ทานพอขา พวกเราจะไมออกไปดวยเหตุเพียงเทานี้ ดอก ดิฉันก็ไมไดถูกทานนํามาจากทาน้ําเหมือนพวกกุมภทาสี ธรรมดาวา เหลาธิดาของบิดามารดาผูยังมีชีวิตอยู ยอมไมออกไปดวยเหตุเพียงเทานี้ อนึ่ง ดวยเหตุเพียงเทานี้นี่แหละ ในวันที่ดิฉันมาในที่นี้บิดาของดิฉันก็ให เรียกกุฎมพี ๘ นายมาสั่งวาถาความผิดเกิดเพราะธิดาของเรา พวกทาน จงชวยกันชําระแลวก็มอบดิฉันไวในมือของกุฎมพี ๘ นายนั้น ขอทานพอ โปรดใหเรียกกุฎมพี๘ นายนั้นมาใหเขาชําระวาเปนความผิด หรือมิใชความผิดของดิฉันสิเจาคะ. ลําดับนั้น เศรษฐีคิดวาเด็กหญิงคนนี้พูดดี จึงใหเรียกกุฎมพี ๘ นายมาสั่งวา เด็กหญิงคนนี้เรียกเราผูซึ่งนั่งในเรือน
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 96
มงคลในวันที่ครบ ๗ วันวา เปนคนกินของไมสะอาด. กุฎมพี๘ นาย นั้น จึงถามนางวา เขาวาอยางนี้จริงหรือแมหนู. นางตอบวา พอคุณเอย ทานบิดาสามีของดิฉันจักตองการกินของไมสะอาดเอง แตดิฉันไดพูด ใหทําอยางนั้น. สวนเมื่อพระเถระผูถือบิณฑบาตเปนวัตรรูปหนึ่งยืนใกลประตูเรือน ทานบิดานี้กําลังบริโภคมธุปายาสมีน้ํานอยอยู ไมสนใจ พระเถระนั้นเลย ดวยเหตุนี้ ดิฉันจึงพูดเทานี้วา ไปขางหนากอนเถิด เจาขา บิดาสามีของดิฉันไมทําบุญในอัตภาพนี้ กําลังกินบุญเกาๆ อยู. กุฎมพี๘ นายจึงกลาววา แมเจาไมมีความผิดในขอนี้ ธิดาของเราพูดมีเหตุ เหตุไรทานจึงโกรธเลา. เศรษฐีกลาววา พอเจาเอย ความผิดนั้น ไมมีก็ชางเถิด แตเด็กหญิงคนนี้ในวันที่มาก็ไมใหความเอาใจใสในบุตรเรา ไดไปยังสถานที่ตนเองปรารถนา. กุฎมพี ๘ นายถามวา เขาวาอยางนั้น จริงหรือแมหนู. นางตอบวา พอคุณเอย ดิฉันไมไปยังที่ๆ ตนชอบใจ แตในเรือนหลังนี้ เมื่อแมมาแสนรูตกลูก ดิฉันคิดวา ไมทําแมความเอาใจใสแลวนั่งเฉยๆ เสีย ไมสมควร จึงใหเหลาทาสีถือคบไฟหอมลอม ไปที่นั่น จึงสั่งใหดูแลรักษาแมมาที่ตกลูกจะ. กุฎมพี ๘ นายกลาววา พอเจา ธิดาของเราไดกระทํากิจกรรมแมเหลาทาสีก็ตองทําในเรือน ทานเห็นโทษอะไรในขอนี้. เศรษฐีกลาววา พอเจาเอย นั่นเปนคุณความดี ก็ชางเถิด แตบิดาของเด็กหญิงคนนี้ เมื่อใหโอวาทในวันที่มาในที่นี้ก็ กลาววา ไฟในไมควรนําออก. กุฎมพี ๘ นายถามนางวา เขาวาอยางนั้น จริงหรือแมหนู. นางตอบวา พอคุณเอย บิดาของดิฉันมิไดพูดหมายถึง ไฟนั่นดอก แตเรื่องความลับอันใดของผูหญิงมีมารดาสามีเปนตนเถิดขึ้น ภายในนิเวศน เรื่องความลับอันนั้นไมควรบอกแกเหลาทาสและทาส
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 97
เพราะวาเรื่องเห็นปานนั้น มีแตจะขยายตัวออกไปเปนการทะเลาะกัน เพราะฉะนั้น บิดาของดิฉันหมายถึงขอนี้ จึงพูดจะ พอคุณทั้งหลาย. เศรษฐีกลาววา พอคุณเอย ขอนั้นเปนอยางนั้นก็ชางเถิด แตบิดาของเด็กหญิงคนนี้กลาววาไฟนอกไมควรนําเขาไปภายใน ก็เมื่อไฟในดับไป แลว เราไมนําไฟขางนอกเขามาไดหรือ. กุฎมพี ๘ นายถามนางวา เขาวาอยางนั้นจริงหรือแมหนู. นางตอบวา บิดาของดิฉันมิไดพูดหมายถึง ไฟนั้นดอกจะ แตความผิดอันใด ที่เหลาทาสและกรรมกรพูดกัน ความผิดอันนั้น ไมควรบอกเลาผูคนภายใน ฯลฯ แมคําใด ทานบิดา กลาววา พึงใหแกคนที่ใหเทานั้น คํานั้นทานก็กลาวหมายถึงวา พึงใหแกพวกคนที่ยืมเครื่องมือเครื่องใชแลวนํามาสงคืนเทานั้น. แมคําที่วา เย น เทนฺติ ทานก็กลาวหมายถึงวา ไมพึงใหแกพวกคนที่ยืมเครื่องมือ เครื่องใชแลวไมนํามาสงคืน. สวนคํานี้วา ททนฺตสฺสาป อททนฺตสฺ- สาป ทาตพฺพ ทานกลาวหมายถึงวา เมื่อญาติมิตรตกยากมาถึงแลว เขาจะสามารถใหตอบแทน หรือไมสามารถใหตอบแทนไดก็ตาม ก็ควรใหทั้งนั้น. แมคํานี้วา สุข นิสิทิตพฺพ ทานกลาวหมายถึงวา เมื่อดิฉัน เห็นมารดาบิดาสามีแลว ไมควรนั่งเฉยในที่ที่ตนควรลุกยืนขึ้น คําวา สุข ภฺุชิตพฺพ ทานกลาวหมายถึงวา ไมบริโภคกอนมารดาบิดาสามี และสามี ควรจะเลี้ยงดูทานเหลานั้นแลว รูวาทุกทานไดแลวหรือยังไมได อะไร แลวตนเองบริโภคทีหลัง. คําวา สุข นิปชฺชิตพฺพ ทานกลาว หมายถึงขอนี้วา ไมพึงขึ้นที่นอนแลว นอนกอน มารดาบิดาสามีและสามี ตองทําวัตรปฏิบัติที่สมควรทําแกทานเหลานั้น แลวตนเองจึงควรนอนทีหลัง. คําวา อคฺคิ ปริจริตพฺโพ ทานกลาวหมายถึงขอนี้วา ควรจะ
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 98
เห็นทั้งบิดามารดาสามีทั้งสามี เปนเหมือนกองไฟและเหมือนพญางู. เศรษฐีกลาววา จะเปนคุณเทานี้ก็ชางเถิด แตบิดาของเด็กหญิงคนนี้ ใหนอบนอมเทวดาภายใน ประโยชนอะไรของโอวาทนี้. กุฎมพี ๘ นาย ถามนางวา เขาวาอยางนั้นจริงหรือแมหนู. นางตอบวา จริงจะ พอคุณ ทั้งหลาย บิดาของดิฉันกลาวคํานี้หมายอยางนี้ ตั้งแตเราอยูครองเรือน ตามประเพณี เห็นนักบวชมาถึงประตูเรือนของตนแลวถวายของเคี้ยวของตนที่มีอยูในเรือน แกเหลานักบวชแลว ตนเองจึงควรกิน. ครั้งนั้น กุฎมพีเหลานั้น จึงถามเศรษฐีนั้นวา ทานมหาเศรษฐี ทานเห็นเหลานักบวชแลว ที่จะชอบใจวา ไมควรใหทั้งนั้นหรือ. ทานเศรษฐีมองไมเห็นคําตอบอยางอื่น จึงไดแตนั่งกมหนา.
ครั้งนั้น เหลากุฎมพีจึงถามเศรษฐีนั้นวา ความผิดอยางอื่นของธิดาเรา ยังมีอยูหรือ. ตอบวา ไมมีดอกพอคุณ ถามวา ก็เพราะเหตุไร ทานจึงขับไลธิดา ซึ่งไมมีความผิดออกไปจากเรือนโดยมิใชเหตุ. ขณะนั้น นางวิสาขากลาววา ยังไมควรไปตามคําของบิดาสามีเรากอน แตวันที่เรามา บิดาเรามอบเราไวในมือพวกทานเพื่อชําระความผิดเรา บัดนี้เราไปไดสะดวกแลวละ จึงสั่งเหลาทาสีและทาสใหทําการตระเตรียมยานเปนตน ไว. คราวนั้น เศรษฐีพากุฎมพีเหลานั้นไป พูดกะนางวา แมหนู พอไมรู จึงพูดไป จงยกโทษใหพอเสียเถิด. นางกลาววา พอคุณทั้งหลาย ดิฉัน พึงอดโทษแกพวกทานได จะอดโทษใหกอน แตดิฉันเปนธิดาของทานเศรษฐีผูเลื่อมใสไมหวั่นไหวในพระพุทธศาสนา เราเวนภิกษุสงฆเสียมิได ถาเราไดบํารุงภิกษุสงฆตามชอบใจของเรา เราก็จักอยู. เศรษฐีกลาววา แมหนู เจาจงบํารุงเหลาสมณะของเจาไดตามชอบใจ. ดังนั้น นางวิสาขา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 99
จึงใหนิมนตพระทศพลอาราธนาใหภิกษุสงฆมีพระพุทธเจาเปนประมุข นั่งเต็มนิเวศนในวันรุงขึ้น. แมบริษัทของชีเปลือยรูวาพระศาสดาเสด็จไป เรือนมิคารเศรษฐี ก็ไปที่นั้นพากันนั่งลอมเรือนไว. นางวิสาขาใหน้ําทักษิโณทกแลวสงขาวบอกวา สักการะทุกอยางจัดไวแลว ขอทานบิดา สามีของเราโปรดจงมาเลี้ยงดูพระทศพล. เศรษฐีนั้นฟงคําของนางวิสาขาแลวก็กลาววา อธิดาของเราจงเลี้ยงดูพระสัมมาสัมพุทธะเถิด นางวิสาขาครั้นเลี้ยงดูพระทศพลดวยภัตตาหารเลิศรสตางๆ แลว ครั้น เสร็จภัตกิจแลวก็สงขาวไปอีกวา ขอทานบิดาสามีของเราโปรดมาฟง ธรรมกถาของพระทศพล. ลําดับนั้น เศรษฐีนั้นก็ไปเพื่อประสงคจะฟงธรรมกถาวา บัดนี้ชื่อวาการไมไป เปนเหตุไมสมควรอยางยิ่ง เหลาชีเปลือยก็กลาววา ทานเมื่อฟงธรรมของพระสมณโคดมก็จงนั่งฟงนอก มาน แลวก็พากันไปกอนกั้นมานไว. มิคารเศรษฐีไปนั่งนอกมาน. พระตถาคตทรงพระดําริวา ทานจะนั่งนอกมานก็ตาม นอกฝาเรือนก็ตาม นอกแผนหินก็ตาม หรือนอกจักรวาลก็ตาม เราชื่อวาพระพุทธเจาสามารถนําทานใหไดยินเสียงของเราได จึงตรัสธรรมกถาประหนึ่งวาจับลําตนมะมวงเขยาใหผลมีสีดังทองหลนลงอยูฉะนั้น จบเทศนา เศรษฐี ก็ดํารงอยูในโสดาปตติผล ยกมานขึ้นถวายบังคมพระบาทของพระศาสดาดวยเบญจางคประดิษฐ ในสํานักพระศาสดานั่งเอง ก็สถาปนานางวิสาขา ไวในตําแหนงมารดาของตนวา แมหนู จงเปนมารดาของเราตั้งแตวันนี้ ไป. ตั้งแตนั้นมา นางวิสาขาจึงมีชื่อวามิคารมารดา.
วันหนึ่ง เมื่อสมัยนักษัตรฤกษดําเนินไปในพระนคร นางวิสาขา ก็คิดวา ไมมีคุณในการอยูในพระนคร จึงหอมลอมดวยทาสีเดินไปฟง
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 100
ธรรมกถาของพระศาสดา แตฉุกคิดวาไปสํานักพระศาสดาดวยทั้งเพศที่มีเครื่องหมคลุมไมบังควร จึงเปลื้องเครื่องประดับมหาลดาประสาธนออก มอบไวในมือทาสี เขาไปเฝาพระศาสดาถวายบังคมแลวนั่ง ณ ที่สมควร สวนหนึ่ง. พระศาสดาตรัสธรรมกถา. จบพระธรรมเทศนาของพระศาสดา นางจึงถวายบังคมพระทศพลแลวเดินมุงหนาสูพระนคร. ทาสีแมนั้นไมทันกําหนดสถานที่นางวางเครื่องประดับซึ่งตนรับไว จึงเดินกลับไปเพื่อหาเครื่องประดับ. ขณะนั้น นางวิสาขาจึงสอบถามทาสีนั้นวา เจาวาง เครื่องประดับไวตรงไหน. ทาสีตอบวา ที่บริเวณพระคันธกุฎีจะแมเจา. นางวิสาขากลาววา ชางเถิด เจาจงไปนํามา นับตั้งแตเจาวางของไวบริเวณพระคันธกุฎีแลว ชื่อวาการใหนําของกลับมาไมสมควรแกเรา เพราะเหตุนั้น เราจําจักสละเครื่องประดับมหาลดาประสาธนนั้น ทําเปนทัณฑกรรม แตเมื่อเครื่องประดับนั้นยังวางไว พระคุณเจาทั้งหลายก็คง เปนกังวล
วันรุงขึ้น พระศาสดามีภิกษุสงฆเปนบริวาร เสด็จถึงประตู นิเวศนของนางวิสาขา. ก็ในนิเวศนจัดอาสนะไวเปนประจํา. นางวิสาขา รับบาตของพระศาสดา อาราธนาใหเสด็จเขาเรือนใหประทับนั่งเหนือ อาสนะที่จัดไวแลวนั่นแหละ เมื่อพระศาสดาเสวยเสร็จ ก็นําเครื่องประดับ นั้นไปวางไวใกลพระบาทของพระศาสดา กราบทูลวา ขาแตพระองค ผูเจริญ ขาพระองคถวายเครื่องประดับนี้แดพระองคเจาคะ. พระศาสดา ตรัสหามวา ขึ้นชื่อวาเครื่องประดับยอมไมสมควรแกเหลานักบวช นางวิสาขากราบทูลวา ขาแตพระองคผูเจริญ ขาพระองครู แตขาพระองค จะจําหนายเครื่องประดับนี้ เอาทรัพยมาสรางพระคันธกุฎีเปนที่อยูสําหรับ พระองค เจาคะ ตรงนั้น พระศาสดาก็ทรงรับโดยดุษณี. แมนางวิสาขา
พระสุตตันตปฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 101
นั้น. ก็จําหนายเครื่องประดับนั้น เอาทรัพย ๙ โกฏิมาสรางพระคันธกุฎี เปนที่ประทับอยูสําหรับพระตถาคตในวิหารชื่อวา บุพพาราม อันประดับดวยหอง ๑,๐๐๐ หอง
ก็นิเวศนของนางวิสาขา เวลาเชาก็มลังเมลืองดวยผากาสาวะ คลาคล่ําไปดวยนักแสวงบุญ ในเรือนแมของนางวิสาขานั้น ก็จัดทานไว พรอมสรรพเหมือนในเรือนของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขานั้น เวลาเชาก็ทําอานิสสงเคราะหแกพระภิกษุสงฆ ภายหลังอาหารก็ใหบาวไพร ถือเภสัช ยา และน้ําอัฐบานไปยังวิหาร ถวายแกพระภิกษุสงฆ ฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดา แลวก็กลับมา ภายหลังตอมา พระศาสดาเมื่อทรงสถาปนาเหลาอุบาสิกาไวในตําแหนงตางๆ ตามลําดับ จึงทรงสถาปนา นางวิสาชามิคารมารดาไวในตําแหนงเอตทัคคะเปนเลิศกวาพวก อุบาสิกาผูถวายทาน แล
จบอรรถกถาสูตรที่ ๒