ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๑๓

 
khampan.a
วันที่  20 มิ.ย. 2564
หมายเลข  34457
อ่าน  1,520

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๑๓
* *



~ ทุกคนยังมีโอกาสที่จะเห็นถูก ตราบใดที่ยังมีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้โอกาสที่จะได้พิจารณาว่านี่เป็นคำของพระองค์ ด้วยพระมหากรุณาให้ไตร่ตรอง ก็สามารถที่จะเปลี่ยนจากที่เคยเห็นผิดมาเป็นมีความเห็นถูก

~
ถ้าท่านสามารถจะมีความอดทนต่ออกุศลของคนอื่นเพิ่มขึ้น ก็แสดงว่าพระธรรมได้ขัดเกลาจิตใจของท่าน ที่เคยไม่อดทนต่ออกุศลของคนอื่น เพราะรู้สึกว่าอดทนยากต่ออกุศลของคนอื่น แต่ถ้าในขณะนั้นเป็นกุศล จะรู้สึกว่าอดทนได้โดยไม่ยาก

~
จริงๆ แล้ว ไม่มีใครสามารถจะทำร้ายใจใครได้เลย นอกจากกิเลสที่มีอยู่ในใจของคนนั้นเท่านั้นที่ทำร้ายคนนั้น เวลาที่กิเลสเกิด ทำร้ายทันทีทุกขณะ ไม่รอช้า ไม่ต้องไปรอให้คนโน้นคนนี้มาทำอะไรเลย

~
ศัตรูไม่ได้อยู่ข้างนอก ถ้าโกรธใครสักคนหนึ่ง ศัตรูอยู่ไหน?

~ โกรธง่ายหรือโกรธยาก โกรธง่ายมากใช่ไหม? ทางตาเห็นนิดเดียวที่ไม่ถูกใจ ก็โกรธแล้ว ทางหู ผิดคำไปนิดเดียว ผิดเสียงไปนิดเดียว ก็โกรธแล้ว ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เป็นผู้ที่โกรธง่าย ซึ่งความโกรธนั้นไม่เป็นภัยกับคนอื่น นอกจากตัวท่านผู้โกรธเอง

~ ถ้าเราเป็นมิตรกับเขา เขาโกรธเรา ไม่เกี่ยวกับเราเลย จะไม่ให้เราเป็นมิตรกับเขา ก็ไม่ได้ จะให้เราไปโกรธเขา ก็ไม่ถูกต้อง เพราะความโกรธ ไม่ใช่สิ่งที่สมควร


~
ในโลกนี้มีบุคคลซึ่งมีฐานะต่างๆ กัน บางคนเป็นคนขัดสน ยากไร้ แล้วท่านมีความรู้สึกต่อบุคคลเหล่านั้นอย่างไรบ้าง ตามความเป็นจริง เคยสังเกตจิตใจไหมว่า ถ้าพบบุคคลที่ขัดสน ยากไร้ ท่านรู้สึกอย่างไร มีความเห็นใจ มีความเมตตา มีความกรุณา มีความเป็นผู้มีตนเสมอกับคนที่ยากไร้ขัดสนไหม หรือว่า มีความยกตน ดูหมิ่นเหยียดหยาม เพราะว่าบางคนอาจจะคิดถึงชาติสกุล ฐานะ ยศ ความรู้ ทำให้เกิดความต่างกันกับคนอื่น โดยลืมว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยที่ได้สะสมมา ที่ทำให้แต่ละคนแตกต่างกัน

~
บางคนให้ เพื่อหวังจะได้รับตอบแทน ขณะนั้นไม่ใช่จาคะ (ไม่ใช่การสละกิเลส) แน่นอน ให้เพื่อหวังที่จะได้รับมากกว่าที่ให้ ก็ไม่ใช่จาคะ แต่ขณะที่เป็นจาคะ คือ สละมลทิน คือ กิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่มากในตนออกมา ในขณะนั้นจึงเป็นจาคะ

~ ถ้าท่านเป็นผู้ที่รู้จักตัวท่านตามความเป็นจริงว่า ท่านขาดเมตตา ท่านขาดความอ่อนน้อม ท่านเป็นผู้ที่ถือตน สำคัญตน ถ้าสติเกิดระลึกได้และเห็นสภาพของอกุศลธรรมตามความเป็นจริงว่า แม้ว่าจะเป็นอกุศลธรรมเพียงเล็กน้อยอย่างไรก็เป็นโทษ เป็นภัย ที่ควรละคลาย ขัดเกลา บรรเทาในขณะนั้นเอง แต่ถ้าไม่เห็นอกุศลธรรมอย่างละเอียด จะทราบไหมว่า นั่นเป็นอกุศลธรรม เมื่อไม่ทราบ ก็ไม่ขัดเกลา แต่เมื่อใดที่เห็นภัยของอกุศลธรรมแม้เพียงเล็กน้อยว่าเป็นโทษ ก็ย่อมมีความเห็นถูกที่จะขัดเกลาละคลายแม้อกุศลธรรมที่เล็กน้อยนั้น

~ ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศลจริงๆ ถ้าท่านเป็นผู้ที่มีกุศลแล้วไม่ต้องกลัวอะไร จะไม่มีโทษภัยอะไรซึ่งเกิดเพราะกุศลของท่าน แต่ถ้าท่านจะได้รับโทษภัยต่างๆ ให้ทราบว่า ไม่ใช่เพราะกุศลของท่าน แต่การที่ท่านได้รับโทษภัยนั้น ก็เพราะท่านมีอกุศลธรรมนั่นเอง

~ ไม่ควรที่จะประมาทอกุศลธรรมเลย ใครที่เป็นคนดี จะดีไปได้นานเท่าไร ก็เฉพาะตราบที่อกุศลยังไม่มีปัจจัยเกิดขึ้น แต่อกุศลทั้งหลายที่จะดับไปได้ ก็ด้วยการเจริญปัญญา รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามปกติด้วย และที่ว่าปัญญาคมกล้านี้ ไม่ใช่รู้อื่น แต่เป็นปัญญาที่น้อมมารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ทุกลักษณะ ในขณะนี้ ตามปกติตามความเป็นจริง

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรักษาโรคที่ทุกคนกำลังเป็น คือ โรคความไม่รู้ โรคกิเลส โรคอกุศลทุกประเภท ด้วยยา คือ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง

~ ชาวพุทธหรือคนที่เข้าใจว่าตนเองนับถือพระพุทธศาสนา ประมาทหรือเปล่าที่ไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวได้เลยว่าประมาทตั้งแต่ต้นแล้วก็จะประมาทไปเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองหรือเปล่า?

~ ชีวิตก็ไม่มีใครรู้ว่าจะยืนยาวแค่ไหน และสิ่งที่เคยมีมาแล้วในอดีตทุกอย่างก็ไม่มี แม้แต่ขณะนี้ สิ่งที่เกิดแล้วดับแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีก เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือได้ทำให้คนอื่นมีความเข้าใจสิ่งที่ยังสามารถที่จะเข้าใจได้ พระธรรมยังไม่ถึงกับว่าสูญหายไปทีเดียว เพราะฉะนั้น ก็ต้องช่วยกันรักษาด้วยศรัทธาที่มั่นคง แม้ว่าไม่มีใครขอร้องไม่มีใครบอก แต่ทุกคนก็เต็มใจที่จะทำเต็มที่

~ ถ้าตราบใดที่ยังไม่เข้าใจธรรม ไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาใดๆ ได้เลยต้องมีทุจริตทุกวงการเหมือนเดิม แต่จะลดน้อยลงไปได้ก็ต่อเมื่อเข้าใจธรรมและประพฤติปฏิบัติตามธรรมยิ่งขึ้น หนทางเดียวที่จะแก้ปัญหา ก็คือ ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง และเมื่อมีความเข้าใจถูกแล้วมีหรือที่จะไม่ประพฤติตาม และถ้ามีความเข้าใจธรรมมากขึ้น ทุกคนพร้อมกันที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ประเทศชาติก็แก้ไขปัญหาได้มากขึ้น

~ ต้องรู้จริงๆ ว่า ความไม่รู้ เป็นเหตุของความไม่ดีและความทุกข์ทั้งหลาย และความรู้ความเข้าใจถูกต่างหากที่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล เพราะฉะนั้น ความรู้นั่นแหละก็เลือกทางที่ถูกต้อง เห็นโทษของความไม่ดี ก็จะไม่ประพฤติไม่ดี ไม่ว่ากาย วาจา ทุจริตใดๆ ทั้งหมด ก็จะค่อยๆ เบาบางลง

~ สิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็พูด หวังดี ตัวเองจะเป็นอย่างไร ไม่สำคัญเลย ทุกคนเกิดแล้วก็ต้องตายเหมือนกันหมด อะไรจะเกิดขึ้น ก็เพราะมีเหตุที่จะให้เป็นอย่างนั้น เหตุที่ดีนำมาซึ่งผลที่ดี ผลที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้น มาจากกรรมที่ไม่ดีต่างหาก ไม่ได้มาจากคำพูดที่ถูกต้อง

~ ความดี ไม่ได้ให้โทษเลย กุศลศีลทั้งหลาย ไม่ได้นำทุกข์โทษมาให้ แต่อกุศลที่ทุกคนมีนี่แหละ นำทุกข์โทษมาให้ตามกำลังของอกุศลนั้นๆ


~ พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ประเสริฐที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด เพราะสามารถที่จะทำให้จากที่มีความไม่ดี มีความไม่รู้ เป็นค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะรู้ความจริงซึ่งจะไม่นำไปสู่ความไม่สงบ เมื่อมีปัญญา

~ ยามทุกข์ แสนทุกข์ แต่ถ้ามีความเข้าใจธรรม ขณะนั้น จะไม่ทุกข์เมื่อเข้าใจว่าสิ่งนั้นเกิดตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่ใครไปทำให้เกิดเลย แล้วก็ดับแล้ว ไม่เหลือ

~ โอกาสที่จะทำความดีหายาก เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะทำความดีเมื่อไหร่ ถ้าไม่ทำ ขณะนั้น ก็เป็นอกุศล ก็สะสมอกุศลต่อไป

~ การที่จะไปละความไม่รู้ ซึ่งหนาเหนียวแน่นมากในสังสารวัฏฏ์ อาศัยอะไร? ถ้าไม่ใช่อาศัยความเข้าใจที่เกิดจากการไตร่ตรองพิจารณา ว่า อะไรถูกอะไรผิด นั่น เป็นจุดเริ่มของปัญญาที่จะไม่หลงทาง


* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๑๒





...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 20 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
panasda
วันที่ 21 มิ.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kukeart
วันที่ 21 มิ.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 21 มิ.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natthayapinthong339
วันที่ 23 มิ.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
มังกรทอง
วันที่ 25 มี.ค. 2565

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ