ทุกคนกำลังจะตาย

 
khampan.a
วันที่  23 มิ.ย. 2564
หมายเลข  34478
อ่าน  1,687

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

“ทุกคนกำลังจะตาย”

(จากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์)


~ เกิดมาแล้วต้องตายทุกคน ก่อนตายก็ทำดี และทำดีต้องเข้าใจธรรมด้วย เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เข้าใจธรรมก็ดีได้เพียงส่วนที่สะสมมา แต่ว่าถ้าดีเพราะเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นละเอียดขึ้น ความดีนั้นก็เพิ่มขึ้นมากขึ้น ไม่เห็นจะต้องกลัวตายเลย ใช่ไหม ก็ต้องตายกันทุกคน วันนี้ก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้

~ จะเกิดเมื่อไหร่ จะตายเมื่อไหร่ จะเห็นเมื่อไหร่ จะสุขเมื่อไหร่ จะเจ็บไข้ได้ป่วยเมื่อไหร่ ล้วนเป็นเพราะมีเหตุที่ได้กระทำแล้ว เพราะฉะนั้น จะหวั่นไหวไหมถ้าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้กระทำแล้ว ต้องนำผลที่ดีมาให้ ถ้าไม่ชอบสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะรู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีเท่านั้นที่จะนำผลที่ไม่ดีมาให้ เปลี่ยนเหตุกับผลได้ไหม ให้เหตุไม่ดีนำมาซึ่งผลดีได้ไหม หรือว่า เหตุดีนำมาซึ่งผลที่ไม่ดีได้ไหม? ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

~ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนก็จะต้องรู้ความจริงว่า วันหนึ่งก็ต้องตาย เหมือนคนอื่นๆ ซึ่งตายไปแล้ว เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรที่จะได้พิจารณาว่า ควรที่วันที่จะจากโลกนี้ไป จะจากไปด้วยปัญญาที่ได้อบรมจนกระทั่งเจริญขึ้น หรือจะจากไปโดยไม่สนใจที่จะอบรมเจริญปัญญา เพราะฉะนั้นก็จากโลกนี้ไปด้วยความมัวเมา ติดข้อง เพลิดเพลิน ในลาภ ในยศ ในสักการะ ในสรรเสริญ ในสุข ซึ่งชั่วขณะจิตแล้วก็จะไม่ติดตามไปสู่โลกหน้าเลย

~ ใครกำลังจะตายบ้าง? ลองคิด ทุกคนหรือเปล่า? ตายเดี๋ยวนี้ก็ได้ จริงไหม? เพราะฉะนั้น ทุกคนก็กำลังจะตายจนกว่าจะถึงขณะซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย แม้ความตายก็ต้องเป็นไปในขณะนั้นที่มีปัจจัยถึงพร้อมที่จะพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้จะเป็นบุคคลนี้อีกต่อไปไม่ได้เลยในสังสารวัฏฏ์

~ เขาก็มีอกุศลจิต เราก็มีอกุศลจิต ถ้าใครยังโกรธใครอยู่หรือไม่ชอบใครก็ตาม ขอให้คิดเสียว่า เราจะเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็จะไม่เห็นกันอีก เพราะฉะนั้น จะทำอะไรเมื่อเป็นการเห็นกันครั้งสุดท้ายแล้ว จะทำดีหรือจะทำชั่วต่อกัน?

~ เกิดมาแล้วก็ตายไป เพราะฉะนั้น สิ่งที่เป็นสาระเป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือว่า ความติดข้องในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่เป็นความเข้าใจ ยามยาก ยามลำบาก ยามทุกข์ใจ ลาภช่วยได้ไหม? ยศ สรรเสริญ สุข ช่วยได้ไหม? ก็ไม่ได้เลย แต่ว่าความเข้าใจธรรม ไม่ว่าจะกำลังเป็นทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วยหรือว่าได้รับภัยพิบัติต่างๆ ขณะนั้นปัญญาก็ไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์เลย เพราะว่าสามารถที่จะเข้าใจความจริงในขณะนั้นได้ จนถึงที่สุดว่า ทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย ทั้งหมดก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

~ ต้องตายทุกคน เพราะฉะนั้น จะฉลาดในการก่อนตาย คือ หมายความว่า ถ้าก่อนตาย ดี ตายแล้ว ผลดี ก็ต้องเกิดขึ้น หรือว่า ชาตินี้ดูดีๆ ละเอียดๆ แล้ว แย่มาก หรือเปล่า? อกุศลทุกวันและก็มีทั้งอย่างน้อยบ้าง มากบ้าง ทับถมมาเรื่อยๆ แล้วจะเป็นอย่างไร มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คือว่า ไม่ได้พึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

~ ถ้าจะระลึกถึงความตายให้มีประโยชน์จริงๆ ก็คือ มั่นใจได้ ตายแน่ แต่ว่าจะช้าหรือเร็ว ตายในลักษณะไหน? แต่ว่าที่ทุกคนลืมแล้วก็อยากจะคิดถึงความตายว่าความตายต้องมีแน่ เพื่ออะไร? เพื่อเป็นคนดีขึ้นหรือว่าทำชั่วไปเหมือนเดิม? อันนี้เป็นสิ่งซึ่งน่าคิด เพราะเหตุว่า คงจะไม่รู้ว่า ขณะนี้ไม่มีอะไรที่เป็นเราได้เลยสักอย่างเดียว ทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับไปเรื่อยๆ แต่ทางไปของเหตุคือกุศลและอกุศลต้องต่างกัน เพราะฉะนั้น ทางเดิน ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่เรา กุศลจิต ก็เดินไปทางหนึ่ง อกุศลจิต ก็เดินอีกทางหนึ่ง เดินคนละทาง ใช่ไหม? แล้วจะเดินทางไหน กับใคร? จะเดินไปกับกุศล หรือว่า จะเดินไปกับอกุศล?

~ ก่อนอื่นต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ความที่ไม่ดีทั้งหมด เป็นอกุศล มาจากความไม่รู้และการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา แต่ความจริง ราอยู่ได้กี่วัน วันไหนจะไม่ใช่เราอีก (ตาย) แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรทำระหว่างที่มีชีวิต ก็คือ เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อันเป็นเหตุที่จะให้มีความประพฤติที่ดี

~ อย่างไรๆ ต้องตาย คนที่เกิดแล้วไม่ตาย ไม่มี เพราะฉะนั้น จะตายเร็วหรือจะตายช้า ก็ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ อาจจะเป็นวันนี้เองหรือว่าเดี๋ยวนี้เองก็ได้หรืออีกสองสามวันก็ได้

เกิดมาแล้ว ต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน แต่จะจากไปโดยฐานะที่เต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความริษยา ความผูกโกรธ ความมานะสำคัญตน หรือว่า จากไปโดยการที่รู้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีเมื่อไหร่ เป็นทุกข์เมื่อนั้นแน่นอน เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า จากการฟังพระธรรมโดยละเอียดขึ้นๆ ก็สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งซึ่งถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่แต่ละคำที่ได้ยินจากพระไตรปิฎกทั้งหมดก็ไม่มีโอกาสจะได้ยินเลย เพราะฉะนั้น ก็เห็นประโยชน์ว่า การเกิดมา มีทรัพย์สมบัติ สูญหายเมื่อไหร่ก็ได้ มีรูปสมบัติ ก็ต้องแก่ชรา มีอุบัติเหตุหรืออะไรก็ได้ที่ทำลายให้สูญไปก็ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดไม่พ้นจากความดีและการเข้าใจพระธรรม เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นอกุศลคือสิ่งที่ไม่ดี จะเข้าใจได้อย่างไร

~ ได้เข้าใจธรรมก่อนตาย ไม่ผิด แต่ถ้าเข้าใจผิดก่อนตาย เป็นโทษ จะเห็นผิดเพิ่มมากขึ้นต่อไปอีก ไม่เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ อีกไม่นาน ทุกคนก็จะหายไปจากโลกนี้ ใครจะไปก่อน ใครจะไปทีหลัง ช้าหรือเร็วนั้น อีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าคิดก็คือว่าจากที่ไม่เคยเป็นคนนี้ แล้วก็มาเป็นคนนี้ แล้วก็จะหมดสิ้นการเป็นบุคคลนี้ ทุกคนเหมือนกันหมด แต่ระหว่างที่ยังเป็นบุคคลนี้อยู่ ยังไม่ได้หายไปจากโลกนี้ ทำอะไร?

~ จากโลกนี้ไปจะเอาอะไรไปบ้าง ใครที่มีมรดกมากมายมหาศาลเอาไปได้ไหม? เอาไปได้เฉพาะความโลภบ้าง ความโกรธบ้าง ความดีบ้าง ความชั่วบ้าง แต่ความเข้าใจถูกความเห็นถูก ถ้าไม่มีการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางที่จะมีสิ่งนี้คือความเข้าใจถูกเห็นถูกอยู่ในใจ จนถึงชาติหน้าและชาติต่อๆ ไป

~ ความเมาในชีวิต ก็เป็นเรื่องที่เป็นปกติอยู่เสมอทีเดียว สำหรับท่านที่ไม่ได้ระลึกเลยว่า ความตายใกล้ที่สุด อาจจะเกิดขึ้นขณะหนึ่งขณะใดได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นผู้ที่ประมาทมัวเมาไม่คิดถึงว่าจะต้องเป็นผู้ที่ถึงแก่ความตาย จะเร็วหรือจะช้าก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ถ้าไม่ระลึกอย่างนี้บ้างเลย วันหนึ่งๆ ก็ผ่านไป โดยการที่ท่านไม่ได้อบรมเจริญกุศลให้ยิ่งขึ้น ซึ่ง (การอบรมเจริญกุศล) เป็นการที่จะอยู่ในโลกนี้อย่างมีประโยชน์ มีสาระ เพราะว่าเรื่องของอกุศลมีปัจจัยพร้อมที่จะเกิดอยู่เสมอ แต่เรื่องของกุศลนานๆ ก็จะมีโอกาส มีปัจจัยที่จะเกิดขึ้น

~ ต้องไม่ลืมเลยว่าทุกคนกำลังจะตาย ไปเยี่ยมคนไข้หนัก คิดว่าเขากำลังจะตายแต่ความจริงทุกคนเลยกำลังจะตาย ซึ่งไม่มีการรู้ล่วงหน้าเลยว่าใครจะตายก่อนเมื่อไหร่ที่ไหนอย่างไร แต่ทุกคนกำลังจะตายแน่นอน พอถึงเวลานั้นก็ตายแน่ๆ ใช่ไหม? แต่เดี๋ยวนี้ยังไม่ใช่ขณะนั้น ก็ต้องเป็น ... ทุกคนก็กำลังจะตาย ก่อนตายจะทำอะไรดี (แล้วแต่ แต่ละคน) เพราะฉะนั้น ลองคิด โอกาสสุดท้ายที่จะมีชีวิตอยู่เป็นคนนี้อีกต่อไปซึ่งใกล้เข้ามาทุกที เพราะทุกคนกำลังจะตาย ถ้าเห็นว่าสิ่งใดมีประโยชน์ที่สุด มั่นคง ก็จะทำสิ่งนั้น ไม่ทำสิ่งอื่น เพราะฉะนั้น ฟังธรรม ศึกษาธรรม สนทนาธรรม ให้คนอื่นเพิ่มความเข้าใจถูก เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในชีวิตยิ่งกว่าอย่างอื่น เพราะฉะนั้น เมื่อกำลังจะตาย ก็ทำสิ่งนี้เถอะ




... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 23 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Jans
วันที่ 24 มิ.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สิริพรรณ
วันที่ 12 ส.ค. 2564

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง ขอบพระคุณในกุศลอาจารย์คำปั่นด้วยค่ะ

ไม่รู้ว่าจะตายวันไหน ที่ไหน เวลาไหน การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงของสภาพธรรมที่ไม่ใช่เรา เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เตือนใจให้ไม่ประมาท ในความเป็นอนัตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
mon-pat
วันที่ 12 ธ.ค. 2566

ฟังธรรม ศึกษาธรรม สนทนาธรรม ให้คนอื่นเพิ่มความเข้าใจถูก เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในชีวิตยิ่งกว่าอย่างอื่น เพราะฉะนั้น เมื่อกำลังจะตาย ก็ทำสิ่งนี้เถอะ ...

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ