บาปหมายถึงอะไรคะ #อยากไปตลาดเป็นบาป แต่ไม่ใช่อกุศลกรรมบถ
คือนานมาแล้วหนูบังเอิญไปเจอข้อความในทวิตเตอร์ ประมาณว่า ทางบ้านธัมมะสอนแปลกๆ แค่อยากเดินไปตลาดก็เป็นบาป (สมัยก่อนหนูก็เป็นหนึ่งในนั้น หนูคิดว่าที่นี่สอนแปลก หนูคิดแบบนี้ก่อนจะมาเจอข้อความในทวิตเตอร์อีกค่ะโดยที่ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เขาก็มีบ้างที่คิดแบบหนู สมัยก่อนหนูไม่ใช่คนเรียนพระธรรม ฟังแล้วตกใจมากๆ เลยค่ะ ว่าทำไมเรื่องบางเรื่องแค่นี้ถึงบาป ตั้งแต่เด็กถูกสอนมาว่าอย่าทำบาป บาปในที่นี้ตอนนั้นหนูเข้าใจว่าหมายถึงอกุศลกรรมที่ทำสำเร็จแล้วเพียงอย่างเดียว
##เผื่อบางท่านอาจจะตีความหมายถึงกรรมที่สำเร็จแล้วเพียงอย่างเดียวแบบหนูค่ะ##
และหนูขอรายละเอียดคำว่าบาปใน 2 นัยค่ะ คือ อกุศลจิต และอกุศลกรรมบถ เพิ่มเติมด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณค่ะ
จำข้อความที่ฟังจากในวิทยุผิดไป ต้องกราบขอโทษด้วยค่ะ เพราะผ่านมาหลายปีแล้ว
#ขออนุญาติแก้ไขข้อความนะคะ จากข้อความอยากเดินไปตลาดเป็นบาป เปลี่ยนเป็น อยากเดินไปตลาดเป็นอกุศล
และตอนนั้นก็เข้าใจว่า อกุศลกรรมบถ, บาป, อกุศล นั้นเหมือนกัน เลยทำให้เข้าใจผิด และต้องกราบขอโทษด้วยนะคะ ที่นานมาแล้วเคยเข้าใจผิดต่อที่บ้านธัมมะ และมีอคติต่อบ้านธัมมะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บาป ที่เป็นอกุศล มีหลายระดับ ทั้งที่ บาปที่เป็นเพียงอกุศลจิต ไม่ได้ถึงการกระทำทางกาย วาจา เช่น ขณะที่โกรธในใจ ขณะที่เห็นสิ่งใด แล้วชอบ เป็นต้น และ บาปที่มีการกระทำทางกาย วาจา แต่ไม่ถึงขนาดล่วงศีล เช่น การทำร้ายผู้อื่น เป็นต้น และ บาปที่มีกำลัง ที่เป็นการกระทำบาปที่มีกำลัง เป็นอกุศลกรรม อันทำให้ ให้ผลเกิดในอบายภูมิ มี นรก เป็นต้นได้ ครับ
ต้องเข้าใจก่อนว่า กรรมมีจริงๆ เป็นธรรม ว่าโดยสภาพธรรมแล้วคือเจตนาเจตสิก เกิดกับจิตทุกขณะ ไม่มีเว้นเลย แต่กรรมที่จะเป็นเหตุในภายหน้าต้องสำเร็จเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมบถ เช่น ถ้าเป็นกุศลกรรม ก็อย่างเช่น ให้ทาน รักษาศีล การช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น เป็นต้น แต่ถ้าเป็นทางฝ่ายอกุศลกรรม เช่น ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ลักทรัพย์ผู้อื่นเป็นต้น เมื่อเหตุมีแล้ว ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้าได้
แต่ถ้าเป็นเพียงอกุศลจิตที่เกิดขึ้น เช่น ขุ่นเคืองใจ หรือ ติดข้องยินดีพอใจโดยไม่ได้ล่วงออกมาเป็นอกุศลกรรมบถประการต่างๆ เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น ก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดผลคือวิบากในภายหน้า แต่ก็เป็นการสะสมสิ่งที่ไม่ดี เพราะถ้าสะสมมากขึ้น ก็อาจจะล่วงเป็นอกุศลกรรมบถได้ เพราะฉะนั้นจะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลย ที่ชื่อว่า กรรมบถ เพราะความเป็นทางของทุคติและสุคติทั้งหลาย ได้แก่ เจตนาที่เป็นไปทางกาย ๓ ทางวาจา ๔ และทางใจ ๓ รวมเป็น ๑๐
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตประจำวัน อกุศลจิตเกิดขึ้นเป็นไปมากอยู่แล้ว เพราะขณะใดก็ตามที่จิตไม่ได้เป็นกุศล อย่างหนึ่งอย่างใด ก็เป็นอกุศลโดยตลอด ซึ่งก็แล้วแต่กำลังของอกุศลว่าจะมีมากเพียงใด ถ้าเป็นความติดข้องต้องการ เป็นปกติธรรมดา เช่น เดินไปซื้อของ เป็นต้น ก็ไม่ใช่เหตุที่จะทำให้เกิดวิบากในภายหน้า แต่ก็จะประมาทกำลังของอกุศลไม่ได้เลยทีเดียว
การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม บ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ตามความเป็นจริง ค่อยๆ ขัดเกลาความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...