ชราวรรค ที่ ๑๑ ว่าด้วยสิ่งที่คร่ําคร่า ชรา
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 141
คาถาธรรม
ชราวรรค ที่ ๑๑
ว่าด้วยสิ่งที่คร่ําคร่า ชรา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 42]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 141
คาถาธรรม
ชราวรรค (๑) ที่ ๑๑
ว่าด้วยสิ่งที่คร่ำคร่า ชรา
[๒๑] ๑. เมื่อโลกสันนิวาส อันไฟลุกโพลงอยู่เป็นนิตย์ พวกเธอยังจะร่าเริงบันเทิงอะไรกันหนอ เธอทั้งหลาย อันความมืดปกคลุมแล้ว ทำไมจึงไม่แสวงหาประทีปเล่า.
๒. เธอจงดูอัตภาพที่ไม่มีความยั่งยืน (และ) ความมั่นคง (อันกรรม) ทำให้วิจิตรแล้ว มีกายเป็นแผล อันกระดูก ๓๐๐ ท่อน ยกขึ้นแล้ว อันอาดูร ที่มหาชนครุ่นคิดแล้วโดยมาก.
๓. รูปนี้แก่หง่อมแล้ว เป็นรังของโลก เปื่อยพัง กายของตนเป็นของเน่า จักแตก เพราะชีวิตมีความ ตายเป็นที่สุด.
๔. กระดูกเหล่านี้ใด อันเขาทิ้งเกลื่อนกลาดดุจน้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ ความยินดีอะไรเล่า (จักมี) เพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น.
๕. สรีระอันกรรมทำให้เป็นนครแห่งกระดูกทั้งหลาย ฉาบด้วยเนื้อและโลหิต เป็นที่ตั้งลงแห่งชรา มรณะ มานะ และมักขะ.
๑. วรรคนี้มีอรรถกถา ๙ เรื่อง.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 142
๖. ราชรถที่วิจิตรดียังคร่ำคร่าได้แล อนึ่ง ถึงสรีระ ก็ย่อมถึงความคร่ำคร่า ธรรมของสัตบุรุษหาเข้าถึงความคร่ำคร่าไม่ สัตบุรุษทั้งหลายแล ย่อมปราศรัยกับด้วยสัตบุรุษ.
๗. คนมีสุตะน้อยนี้ ย่อมแก่เหมือนโคถึก เนื้อของเขาย่อมเจริญ แต่ปัญญาของเขาหาเจริญไม่.
๘. เราแสวงหาช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสาร มีชาติเป็นอเนก ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่านแล้ว ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้ ซี่โครงทุกซี่ของท่านเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว จิตของเราถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว เพราะเราบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นตัณหาแล้ว.
๙. พวกคนเขลาไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ทรัพย์ในคราวยังเป็นหนุ่มสาว ย่อมซบเซาดังนกกะเรียนแก่ ซบเซาอยู่ในเปือกตมที่หมดปลาฉะนั้น. พวกคนเขลาไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ทรัพย์ในคราวยังเป็นหนุ่มสาว ย่อมนอนทอดถอนถึงทรัพย์เก่า เหมือนลูกศรที่ตกจากแล่งฉะนั้น.
จบชราวรรคที่ ๑๑