๑๐. เรื่องพระอัตตทัตถเถระ [๑๓๖]
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 224
๑๐. เรื่องพระอัตตทัตถเถระ [๑๓๖]
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 42]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 224
๑๐. เรื่องพระอัตตทัตถเถระ [๑๓๖]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระอัตตทัตถเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน" เป็นต้น.
พระเถระพยายามบำเพ็ญประโยชน์
ความพิสดารว่า เมื่อพระศาสดาตรัสในกาลที่จวนจะปรินิพพานว่า "ภิกษุทั้งหลาย โดยกาลล่วงไป ๔ เดือนแต่วันนี้ เราจักปรินิพพาน," ภิกษุประมาณ ๗๐๐ รูปซึ่งยังเป็นปุถุชน เกิดความสังเวช ไม่ละสำนัก พระศาสดาเลย เที่ยวปรึกษากันว่า "ท่านผู้มีอายุ พวกเราจะทำอะไร หนอแล? "
ส่วนพระอัตตทัตถเถระ คิดว่า "ข่าวว่า พระศาสดา จักปรินิพพาน โดยกาลล่วงไป ๔ เดือน, ก็ตัวเรายังเป็นผู้มีราคะไม่ไปปราศ, เมื่อพระศาสดายังทรงพระชนม์อยู่นี่แหละ เราจักพยายามเพื่อประโยชน์แก่พระอรหัต." พระเถระนั้น ย่อมไม่ไปสำนักของภิกษุทั้งหลาย. ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายกล่าวกะท่านว่า "ผู้มีอายุ ทำไม? ท่านจึงไม่มาสำนักของพวกกระผมเสียเลย, ท่านไม่ปรึกษาอะไรๆ " ดังนี้แล้ว ก็นำไปสู่สำนักพระศาสดา กราบทูลว่า "พระเจ้าข้า ภิกษุรูปนี้ ย่อมทำชื่ออย่างนี้."
พระอัตตทัตถเถระนั้น แม้พระศาสดาตรัสว่า "เหตุไร? เธอจึงทำอย่างนั้น" ก็กราบทูลว่า "พระเจ้าข้า ข่าวว่า พระองค์จักปรินิพพานโดยกาลล่วงไป ๔ เดือน, ข้าพระองค์พยายามเพื่อบรรลุพระอรหัต ในเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่นี่แหละ."
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 225
ผู้ปฏิบัติธรรมชื่อว่าบูชาพระศาสดา
พระศาสดา ประทานสาธุการแก่พระเถระนั้นแล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดมีความสิเนหาในเรา, ผู้นั้นควรเป็นดุจอัตตทัตถะ ด้วยว่าชนทั้งหลายบูชาอยู่ด้วยวัตถุต่างๆ มีของหอมเป็นต้น ย่อมไม่ชื่อว่าบูชาเรา, ส่วนผู้บูชาอยู่ด้วยการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมชื่อว่าบูชาเรา; เพราะฉะนั้น แม้ภิกษุรูปอื่นก็พึงเป็นเช่นอัตตทัตถะ" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๑๐. อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน พหุนาปิ น หาปเย
อตฺตทตฺถมภิญฺาย สทตฺถปสุโต สิยา.
"บุคคลไม่พึงยังประโยชน์ของตน ให้เสื่อมเสีย
เพราะประโยชน์ของคนอื่นแม้มาก รู้จักประโยชน์
ของตนแล้ว พึงเป็นผู้ขวนขวายในประโยชน์ของตน."
แก้อรรถ
เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า ;
"บุคคลผู้เป็นคฤหัสถ์ ไม่พึงยังประโยชน์ของตน แม้ประมาณ กากณิก (๑) หนึ่งให้เสื่อมเสีย เพราะประโยชน์ของคนอื่น แม้ประมาณค่าตั้งพันทีเดียว. ด้วยว่าประโยชน์ของตนแห่งบุคคลนั้นแล แม้ประมาณกากณิกหนึ่ง ก็ยังของควรเคี้ยวหรือของควรบริโภคให้สำเร็จได้, ประโยชน์ของคนอื่น หาให้สำเร็จไม่. ส่วนสองบาทพระคาถาเหล่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ตรัสอย่างนั้น ตรัสด้วยหัวข้อแห่งกัมมัฏฐาน. เพราะฉะนั้น ภิกษุ
๑. เป็นชื่อของมาตราเงินอย่างต่ำที่สุด แทบไม่มีค่าเสียเลย แต่ในที่นี้ เป็นคุณบทของคำว่า ประโยชน์ จึงหมายความว่า ประโยชน์ของตนแม้น้อย จนไม่รู้จะประมาณได้ว่าเท่าไหน ก็ไม่ควรให้เสียไป.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 226
ตั้งใจว่า เราจะไม่ยังประโยชน์ของตนให้เสื่อมเสีย ดังนี้แล้ว ก็ไม่พึงยังกิจมีการปฏิสังขรณ์พระเจดีย์เป็นต้น อันบังเกิดขึ้นแก่สงฆ์ หรือวัตถุมีอุปัชฌายวัตรเป็นต้นให้เสื่อมเสีย, ด้วยว่าภิกษุบำเพ็ญอภิสมาจาริกวัตร ให้สมบูรณ์อยู่แล ย่อมทำให้แจ้งซึ่งผลทั้งหลายมีอริยผลเป็นต้น. เพราะฉันนั้น การบำเพ็ญวัตรให้บริบูรณ์แม้นี้ จึงชื่อว่าเป็นประโยชน์ของตนแท้.
อนึ่ง ภิกษุใด มีวิปัสสนาอันปรารภยิ่งแล้ว ปรารถนาการแทงตลอดว่า เราจักแทงตลอดในวันนี้ๆ แหละ ดังนี้แล้ว ประพฤติอยู่, ภิกษุนั้น แม้ยังวัตรมีอุปัชฌายวัตรเป็นต้นให้เสื่อมแล้ว ก็พึงทำกิจของตน ให้ได้. ก็ภิกษุรู้จักประโยชน์ของตนเห็นปานนั้น คือกำหนดได้ว่า นี้ เป็นประโยชน์ตนของเรา พึงเป็นผู้เร่งขวนขวาย ประกอบในประโยชน์ ของตนนั้น."
ในกาลจบเทศนา พระเถระนั้น ได้ตั้งอยู่ในพระอรหัตตผลเทศนา ได้เป็นประโยชน์แม้แก่ภิกษุผู้ประชุมกันทั้งหลาย ดังนี้แล.
เรื่องพระอัตตทัตถเถระ จบ.
อัตตวรรควรรณนา จบ.
วรรคที่ ๑๒ จบ.