พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๒. เรื่องพระเจ้าสุทโธนทะ [๑๓๘]

 
บ้านธัมมะ
วันที่  26 ก.ค. 2564
หมายเลข  34932
อ่าน  702

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 232

๒. เรื่องพระเจ้าสุทโธนทะ [๑๓๘]


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 42]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 232

๒. เรื่องพระเจ้าสุทโธทนะ [๑๓๘]

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในนิโครธาราม ทรงปรารภพระบิดา ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย" เป็นต้น.

พระศาสดาเสด็จไปกรุงกบิลพัสดุ์ครั้งแรก

ความพิสดารว่า สมัยหนึ่ง พระศาสดาเสด็จไปกรุงกบิลพัสดุ์บุรี โดยเสด็จไปครั้งแรก มีการต้อนรับอันพระญาติทั้งหลายทำแล้วเสด็จไปสู่ นิโครธาราม ทรงนิรมิตตนจงกรมในอากาศ จงกรมบนรัตนจงกรมนั้น ทรงแสดงธรรมเพื่อต้องการทำลายมานะของพระญาติทั้งหลายแล้ว. พระญาติทั้งหลายมีจิตเลื่อมใสแล้ว ถวายบังคมตั้งต้นแต่พระเจ้าสุทโธทนมหาราช. ฝนโบกขรพรรษตกในสมาคมแห่งพระญาตินั้น. เมื่อมหาชนปรารภฝนนั้น สนทนากันแล้วพระศาสดาตรัสว่า "ใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ ภิกษุทั้งหลาย, ถึงในกาลก่อน ฝนโบกขรพรรษก็ตกในสมาคมแห่งญาติ ของเราเหมือนกัน "ดังนี้แล้ว จึงตรัสเวสสันดรชาดก (๑). บรรดาพระญาติ ซึ่งฟังพระธรรมเทศนาแล้วหลีกไปอยู่ แม้องค์หนึ่งก็ไม่นิมนต์พระศาสดาแล้ว. แม้พระราชาก็ไม่ทรงนิมนต์เลย ด้วยทรงดำริว่า "บุตรเราไม่มา สู่เรือนของเรา จักไปไหน?" ดังนี้แล้ว ได้เสด็จไป; ก็แลครั้นเสด็จไปแล้ว รับสั่งให้คนตกแต่งข้าวต้มเป็นต้น ให้ปูลาดอาสนะทั้งหลายไว้เพื่อภิกษุมีประมาณสองหมื่น ในพระราชมนเฑียร.


๑. ขุ. ชา. มหา. ๒๗/๓๖๕. อรรถกถา.๑๐/๓๑๕.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 233

วันรุ่งขึ้น พระศาสดาเมื่อเสด็จเข้าไปสู่พระนครเพื่อบิณฑบาต ทรงใคร่ครวญว่า "พระพุทธเจ้าในอดีตทั้งหลาย เสด็จถึงพระนครแห่งพระบิดาแล้ว เสด็จตรงไปสู่ตระกูลแห่งพระญาติทีเดียวหรือหนอแล? หรือว่า เสด็จเที่ยวไปเพื่อบิณฑบาตโดยลำดับ" ทรงเห็นว่า "เสด็จเที่ยวไปโดยลำดับ" ดังนี้แล้ว จึงเสด็จดำเนินไปเพื่อบิณฑบาตตั้งแต่เรือนหลังแรก. พระมารดาของพระราหุลประทับนั่งบนพื้นปราสาทแลเห็นแล้ว จึงกราบทูลประพฤติเหตุนั้นแด่พระราชา พระราชาทรงจัดแจงผ้าสาฎกรีบเสด็จออกไป ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว ตรัสว่า "ลูก เพราะเหตุไร? ท่าน จึงให้ข้าพเจ้าฉิบหาย, ท่านเที่ยวไปเพื่อภิกษา ให้ความละอายเกิดขึ้นแล้ว แก่ข้าพเจ้าเหลือเกิน, ขึ้นชื่อว่ากรรมไม่ควรอันท่านทำแล้ว, การที่ท่านเที่ยวไปด้วยวอทองคำเป็นต้น เที่ยวไปเพื่อภิกษา ในนครนี้นั้นแหละจึงควร; ท่านให้ข้าพเจ้าละอายทำไม?"

การบิณฑบาตเป็นวงศ์ของพระพุทธเจ้า

พระศาสดา. มหาบพิตร อาตมภาพให้พระองค์ละอายหามิได้, แต่อาตมภาพย่อมประพฤติตามวงศ์สกุลของตน.

พระราชา. พ่อ ก็การเที่ยวไปเพื่อภิกษาแล้วเป็นอยู่ เป็นวงศ์ของข้าพเจ้าหรือ?

พระศาสดาตรัสว่า "มหาบพิตร นั่นมิใช่เป็นวงศ์ของพระองค์, แต่นั่นเป็นวงศ์ของอาตมภาพ; เพราะพระพุทธเจ้าไม่ใช่พันหนึ่ง เสด็จเที่ยว ไปเพื่อบิณฑบาตแล้วเป็นอยู่เหมือนกัน" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรม ได้ภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า:-

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 234

๒. อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย

ธมฺมํ สุจริตํ จเร ธมฺมจารี สุขํ เสติ อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

ธมฺมํ จเร สุจริตํ น นํ ทุจฺจริตํ จเร

ธมฺมจารี สุขํ เสติ อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.

"บรรพชิตไม่พึงประมาทในก้อนข้าว อันตนพึงลุกขึ้นยืนรับ, บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต ผู้มีปกติประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้และโลกหน้า, บุคคลพึงประพฤติธรรมให้สุจริต, ไม่พึงประพฤติธรรมนั้นให้ทุจริต, ผู้มีปกติประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขในโลกนี้และโลกหน้า."

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุตฺติฏฺเ ความว่า ในก้อนข้าว อันตนพึงลุกขึ้นยืนรับที่ประตูเรือนของชนเหล่าอื่น. บทว่า นปฺปมชฺเชยฺย ความว่า ก็ภิกษุเมื่อให้ธรรมเนียมของผู้เที่ยวบิณฑบาตเป็นปกติเสื่อมแล้ว แสวงหาโภชนะอันประณีต ชื่อว่าย่อมประมาท ในก้อนข้าวอันตนพึงลุกขึ้นยืนรับ, แต่ว่าเมื่อเที่ยวไปตามลำดับตรอกเพื่อบิณฑบาต ชื่อว่าย่อมไม่ประมาท. ทำอยู่อย่างนี้ ชื่อว่าไม่พึงประมาท ในก้อนข้าวที่ตนพึงลุกขึ้นยืนรับ.

บทว่า ธมฺมํ ความว่า เมื่อละการแสวงหาอันไม่ควรแล้วเที่ยวไป ตามลำดับตรอก ชื่อว่าพึงประพฤติธรรม คือการเที่ยวไปเพื่อภิกษานั้นนั่นแลให้เป็นสุจริต. คำว่า สุขํ เสติ นั่น สักว่าเป็นเทศนา. อธิบายว่า

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 235

เมื่อประพฤติธรรมคือการเที่ยวไปเพื่อภิกษา ชื่อว่าประพฤติธรรมเป็นปกติ ย่อมอยู่เป็นสุขโดยอิริยาบถแม้ทั้ง ๔ ในโลกนี้และโลกหน้า.

สองบทว่า น ตํ ทุจฺจริตํ ความว่า เมื่อเที่ยวไปในอโคจร ต่างด้วยอโคจรมีหญิงแพศยาเป็นต้น ชื่อว่าย่อมประพฤติธรรม คือการเที่ยวไปเพื่อภิกษาให้เป็นทุจริต. ไม่ประพฤติอย่างนั้น พึงประพฤติธรรมนั้นให้เป็นสุจริต, ไม่พึงประพฤติธรรมนั้นให้เป็นทุจริต. คำที่เหลือ มีเนื้อความ ดังกล่าวแล้วเหมือนกัน.

ในเวลาจบเทศนา พระราชาทรงดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผลแล้ว, เทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่ชนทั้งหลายผู้ประชุมกัน ดังนี้แล.

เรื่องพระเจ้าสุทโธทนะ จบ.