พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑๑. เรื่องนายกาละบุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี [๑๔๗]

 
บ้านธัมมะ
วันที่  26 ก.ค. 2564
หมายเลข  34941
อ่าน  713

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 270

๑๑. เรื่องนายกาละบุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี [๑๔๗]


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 42]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 270

๑๑. เรื่องนายกาละบุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี [๑๔๗]

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุตรของท่านอนาถบิณฑิกะ ชื่อว่า กาละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ปพฺยา เอกรชฺเชน" เป็นต้น.

บิดาจ้างบุตรให้ฟังธรรม

ได้ยินว่า นายกาละนั้นเป็นบุตรเศรษฐี ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยศรัทธา เช่นนั้น ก็ไม่ปรารถนาจะไปสู่สำนักของพระศาสดาเลย, ไม่ปรารถนาจะฟังธรรม, ไม่ปรารถนาจะทำการขวนขวายแก่สงฆ์; แม้ถูกบิดาพูดว่า "เจ้าอย่าทำอย่างนี้ พ่อ" ก็ไม่ฟังคำของท่าน.

ลำดับนั้น บิดาของเขาคิดว่า เจ้ากาละนี้ เมื่อถือทิฏฐิเห็นปานนี้ เที่ยวไป จักเป็นผู้มีอเวจีเป็นที่ไปในเบื้องหน้า; ก็เมื่อเรายังเห็นอยู่ บุตรของเราพึงไปสู่นรก, ข้อนั้นไม่สมควรแก่เราเลย; ก็ขึ้นชื่อว่าสัตว์ผู้ไม่เพ่งเล็งเพราะการให้ทรัพย์ ไม่มีในโลกนี้เลย, เราจักทำลายทิฏฐิของบุตรนั้นด้วยทรัพย์."

ลำดับนั้น เศรษฐีพูดกะนายกาละนั้นว่า "พ่อ เจ้าจงเป็นผู้รักษาอุโบสถ ไปสู่วิหารฟังธรรมแล้วมาเถิด, เราจักให้กหาปณะ ๑๐๐ แก่เจ้า."

กาละ. จักให้หรือ? พ่อ.

เศรษฐี. จักให้ ลูก.

นายกาละนั้น รับปฏิญญา ๓ ครั้งแล้ว เป็นผู้รักษาอุโบสถ ได้ไป

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 271

สู่วิหารแล้ว, แต่กิจด้วยการฟังธรรมของเขาไม่มี; เขานอนในที่ตามความสำราญแล้ว ได้ไปบ้านแต่เช้าตรู่. ลำดับนั้น บิดาของเขาพูดว่า "บุตรของเราได้เป็นผู้รักษาอุโบสถ, ท่านทั้งหลายจงนำข้าวต้มเป็นต้นมาแก่เขาเร็ว" ดังนี้แล้ว ก็สั่งคนใช้ให้ๆ. นายกาละนั้นห้ามอาหารเสีย ด้วยพูดว่า "เรายังมิได้รับกหาปณะจักไม่บริโภค." ลำดับนั้น บิดาของเขา เมื่ออดทนการรบกวนไม่ได้ จึงให้ห่อกหาปณะแล้ว. นายกาละนั้น ต่อรับกหาปณะนั้นไว้ด้วยมือแล้ว จึงบริโภคอาหาร.

ต่อมาในวันรุ่งขึ้น เศรษฐีส่งเขาไป ด้วยพูดว่า "พ่อ เราจักให้ กหาปณะพันหนึ่งแก่เจ้า, เจ้ายืนตรงพระพักตร์ของพระศาสดา เรียนเอาบทแห่งธรรมให้ได้บทหนึ่งแล้วพึงมา." เขาไปวิหาร ยืนตรงพระพักตร์ของพระศาสดา ได้เป็นผู้ใคร่จะเรียนเอาบทแห่งธรรม บทเดียวเท่านั้น แล้วหนีไป. ลำดับนั้น พระศาสดาได้ทรงทำอาการ คือการกำหนดไม่ได้แก่เขา. เขากำหนดบทนั้นไม่ได้แล้ว จึงได้ยืนฟังแล้วเทียว ด้วยคิดว่า "เราจักเรียนบทต่อไป" นัยว่าชนทั้งหลาย ต่อฟังอยู่ ด้วยคิดว่า "เรา จักเรียนให้ได้ ชื่อว่าฟังโดยเคารพ.

ก็ธรรมดา เมื่อชนทั้งหลายฟังอยู่อย่างนี้, ธรรมย่อมให้โสดาปัตติมรรคเป็นต้น. ถึงนายกาละนั้นก็ฟังอยู่ด้วยคิดว่า "จักเรียนให้ได้" แม้พระศาสดาก็ทรงทำอาการคือการกำหนดไม่ได้แก่เขา. เขากำลังยืนฟัง อยู่เทียว ด้วยคิดว่า "จักเรียนต่อไป" จึงตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.

บรรลุโสดาปัตติผลแล้วรับค่าจ้าง

ในวันรุ่งขึ้น นายกาละนั้นไปสู่กรุงสาวัตถี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 272

มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขทีเดียว. มหาเศรษฐีพอเห็นเขาก็คิดว่า "วันนี้เราชอบใจอาการของบุตร." แม้นายกาละนั้นก็ได้มีความปริวิตกดังนี้ว่า "โอหนอ วันนี้ บิดาของเราไม่พึงให้กหาปณะในที่ใกล้พระศาสดา, พึงปกปิดความที่เราเป็นผู้รักษาอุโบสถเพราะเหตุแห่งกหาปณะไว้." แต่พระศาสดา ได้ทรงทราบความที่นายกาละนั้น เป็นผู้รักษาอุโบสถ เพราะเหตุแห่งกหาปณะแล้วในวันวาน มหาเศรษฐีให้ถวายข้าวต้มแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขแล้ว จึงสั่งให้ๆ แม้แก่บุตร. นายกาละนั้นเป็นผู้นั่งนิ่งเทียว ดื่มข้าวต้ม เคี้ยวของควรเคี้ยว บริโภคภัต.

ในเวลาเสร็จภัตกิจของพระศาสดา มหาเศรษฐีให้บุคคลวางห่อกหาปณะพันหนึ่งไว้ตรงหน้าบุตรแล้ว พูดว่า "พ่อ พ่อพูดว่า จักให้กหาปณะพันหนึ่งแก่เจ้า จึงให้เจ้าสมาทานอุโบสถ ส่งไปวิหาร, นี้กหาปณะพันหนึ่งของเจ้า." นายกาละนั้น เห็นกหาปณะที่บิดาให้เฉพาะพระพักตร์ของพระศาสดา ละอายอยู่ จึงพูดว่า "ผมไม่ต้องการด้วยกหาปณะทั้งหลาย" แม้ถูกบิดาพูดว่า "จงรับเถิด พ่อ" ก็ไม่รับแล้ว.

โสดาปัตติผลเลิศกว่าสมบัติทุกอย่าง

ลำดับนั้น บิดาของเขาถวายบังคมพระศาสดาแล้ว กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้ ข้าพระองค์ ชอบใจอาการของบุตร เมื่อพระศาสดาตรัส ถามว่า "อะไร? มหาเศรษฐี" จึงกราบทูลว่า "ในวันก่อน บุตรของข้าพระองค์นี้ อันข้าพระองค์พูดว่า เราจักให้กหาปณะ ๑๐๐ แก่เจ้า แล้วส่งไปวิหาร ในวันรุ่งขึ้น ยังไม่ได้รับกหาปณะแล้ว

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 273

ไม่ปรารถนาจะบริโภค; แต่วันนี้ เขาไม่ปรารถนากหาปณะแม้ที่ข้าพระองค์ให้." พระศาสดาตรัสว่า "อย่างนั้น มหาเศรษฐี. วันนี้ โสดาปัตติผล นั่นแลของบุตรของท่าน ประเสริฐแม้กว่าสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ แม้กว่าสมบัติในเทวโลก และพรหมโลก" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถา นี้ว่า

๑๑. ปพฺยา เอกรชฺเชน สคฺคสฺส คมเนน วา

สพฺพโลกาธิปจฺเจน โสตาปตฺติผลํ วรํ.

"โสดาปัตติผล ประเสริฐกว่าความเป็นเอกราช

ในแผ่นดิน กว่าการไปสู่สวรรค์ และกว่าความเป็นใหญ่ในโลกทั้งปวง"

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น บาทพระคาถาว่า ปพฺยา เอกรชฺเชน คือ กว่าความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ. บาทพระคาถาว่า สคฺคสฺส คมเนน วา ความว่า กว่าการกล่าวถึงสวรรค์ ๒๖ ชั้น. บาทพระคาถาว่า สพฺพโลกา ธิปจฺเจน ความว่า กว่าความเป็นใหญ่ในโลก มีประมาณเท่านั้นๆ คือ ในโลกทั้งปวง พร้อมด้วยนาค ครุฑ และเวมานิกเปรต. บาทพระคาถาว่า โสตาปตฺติผลํ วรํ ความว่า เพราพระพระราชา แม้เสวยราชสมบัติในที่มี ประมาณเท่านั้น ก็เป็นผู้ไม่พ้นจากนรกเป็นต้นได้เลย ส่วนพระโสดาบัน เป็นผู้มีประตูอบายอันปิดแล้ว แม้มีกำลังเพลากว่าพระโสดาบัน (๑) ทั้งสิ้น ก็


(๑) พระโสดาบัน ๓ พวก คือ สัตตักขัตตุปรมะ ๑ โกลังโกละ ๑ เอกพิชี ๑. พวกแรกมีกำลังเพลากว่า ๒ พวกหลัง.

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 274

ไม่เกิดในภพที่ ๘; ฉะนั้น โสดาปัตติผลนั่นแล จึงประเสริฐ คือสูงสุด.

ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

เรื่องนายกาละบุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี จบ.

โลกวรรครรรณนา จบ.

วรรคที่ ๑๓ จบ.