๘. เรื่องพระอนาคามิเถระ [๑๗๒]
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 416
๘. เรื่องพระอนาคามิเถระ [๑๗๒]
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 42]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 416
๘. เรื่องพระอนาคามิเถระ [๑๗๒]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระผู้อนาคามีองค์หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ฉนฺทชาโต" เป็นต้น.
พระเถระบรรลุอนาคามิผล
ความพิสดารว่า วันหนึ่ง พวกสัทธิวิหาริกถามพระเถระนั้นว่า "ท่านขอรับ ก็การบรรลุธรรมพิเศษของท่าน มีอยู่หรือ?"
พระเถระ ละอายอยู่ว่า "แม้คฤหัสถชนก็ยังบรรลุพระอนาคามิผลได้, ในเวลาบรรลุพระอรหัตแล้วนั่นแล เราจักบอกกับสัทธิวิหาริกเหล่านั้น" ดังนี้แล้ว ไม่กล่าวอะไรๆ เลย ทำกาละแล้วเกิดในเทวโลกชั้นสุทธาวาส.
ลำดับนั้น พวกสัทธิวิหาริกของท่าน ร้องไห้คร่ำครวญไปสู่สำนักพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว ร้องไห้อยู่ทีเดียว นั่งแล้ว ณ ส่วนข้างหนึ่ง.
ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะภิกษุเหล่านั้นว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอร้องไห้ทำไม?"
ภิกษุ. อุปัชฌายะของข้าพระองค์ทำกาละแล้ว พระเจ้าข้า.
พระศาสดา. ช่างเถิด ภิกษุทั้งหลาย, เธอทั้งหลายอย่าคิดเลย, นั่นชื่อว่าเป็นธรรมที่ยั่งยืน.
ภิกษุ. พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้ข้าพระองค์ก็ทราบอยู่, แต่พวกข้าพระองค์ ได้ถามถึงการบรรลุธรรมพิเศษ กะพระอุปัชฌายะ,
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 417
ท่านไม่บอกอะไรๆ เลย ทำกาละแล้ว, เหตุนั้น พวกข้าพระองค์จึงถึง ความทุกข์.
ลักษณะของผู้ชื่อว่ามีกระแสในเบื้องบน
พระศาสดาตรัสว่า "อย่าคิดเลย ภิกษุทั้งหลาย, อุปัชฌายะของพวกเธอ บรรลุอนาคามิผลแล้ว, เธอละอายอยู่ว่า แม้พวกคฤหัสถ์ก็ บรรลุอนาคามิผลนั่น, เราต่อบรรลุอรหัตแล้ว จึงจักบอกแก่พวกสัทธิวิหาริกนั้น ไม่บอกอะไรๆ แก่พวกเธอเลย ทำกาละแล้วเกิดในชั้นสุทธาวาส; วางใจเสียเถิด ภิกษุทั้งหลาย อุปัชฌายะของพวกเธอ ถึงความเป็นผู้มีจิต ไม่เกี่ยวเกาะในกามทั้งหลาย มีกระแสในเบื้องบน" ดัง นี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๘. ฉนฺทชาโต อนฺกขาเต มนฺสา จ ผุโ สิยา
กาเม จ อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต อุทฺธํโสโตติ วุจฺจติ.
"ภิกษุ ผู้มีฉันทะเกิดแล้ว ในพระนิพพานอัน
ใครๆ บอกไม่ได้ พึงเป็นผู้อันใจถูกต้องแล้วก็ดี ผู้
มีจิตไม่เกี่ยวเกาะในกามทั้งหลายก็ดี ท่านเรียกว่า
ผู้มีกระแสในเบื้องบน."
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ฉนฺทชาโต ความว่า มีฉันทะเกิดแล้ว ด้วยอำนาจความพอใจ ในความเป็นผู้ใคร่เพื่อจะทำ คือถึงความ อุตสาหะแล้ว.
บทว่า อนฺกขาเต คือ ในพระนิพพาน. แท้จริง พระนิพพาน นั้น ชื่อว่า อนักขาตะ เพราะความเป็นธรรมชาติอันใครๆ บอกไม่ได้ว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้า 418
" อันปัจจัยโน้นทำ หรือบรรดาสีต่างๆ มีสีเขียวเป็นต้น เห็นปานนี้."
บาทพระคาถาว่า มนฺสา จ ผุโฏ (๑) สิยา ความว่า พึงเป็นผู้อัน จิตที่สัมปยุตด้วยมรรคผล ๓ เบื้องต่ำถูกต้องแล้ว คือให้เต็มแล้ว.
บทว่า อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต ความว่า มีจิตไม่เกี่ยวเกาะในกามทั้งหลาย ด้วยอำนาจแห่งพระอนาคามิมรรคก็ดี.
บทว่า อุทฺธํโสโต ความว่า ภิกษุเห็นปานนี้ เกิดแล้วในภพอวิหา ถัดนั้นไป ก็ไปสู่อกนิษฐภพ ด้วยอำนาจปฏิสนธิ ท่านเรียกว่า ผู้มีกระแสในเบื้องบน พระอุปัชฌาย์ของพวกเธอ ก็เป็นผู้เช่นนั้น.
ในกาลจบเทศนา ภิกษุเหล่านั้นตั้งอยู่แล้วในอรหัตตผล. เทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่มหาชน ดังนี้แล.
เรื่องพระอนาคามิเถระ จบ.
๑. บาลีเป็น ผโ.