จิตดวงเก่าที่ดับไป เป็นปัจจัยให้เกิดจิตดวงใหม่ขึ้น
เมื่อเราศึกษาพระพุทธศาสนาโดยละเอียด และเริ่มมีความรู้เรื่องของจิตมากขึ้นก็จะทราบว่า จิตขณะใดเป็นเหตุ (กุศลจิต อกุศลจิต) จิตขณะใดเป็นจิตซึ่งรับผล (วิบากจิต) ของกุศลกรรม หรืออกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้ว จากที่เคยคิดกันว่ามนุษย์มีจิตและร่างกาย และเมื่อสิ้นชีวิตจิตดวงนี้จะดับไปเมื่อศึกษาธรรมละเอียดขึ้น จะเข้าใจเพิ่มมากขึ้นว่า จิตเป็นสภาพรู้ อาการรู้ และเกิดดับ อย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง เป็นกระแสไปโดยตลอด เพราะจิตมีสภาพเป็นอนันตรปัจจัย ธรรมที่เป็นจิต (และเจตสิก) เป็นปัจจัยแก่ ธรรมที่เป็นจิต (และเจตสิก) ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย คือ จิต (และเจตสิก) ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่จิต (และเจตสิก) ที่เกิดหลังๆ ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย กล่าวคือ เมื่อจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็วนั้น จิตดวงเก่าที่ดับไปนั่นเองเป็นปัจจัยให้เกิดจิตดวงใหม่ขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ ต่อเมื่อสามารถอบรมเจริญปัญญาจนละอกุศลธรรมทั้งหมดได้แล้ว ซึ่งหมายความว่าผู้นั้นได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระอรหันต์ เมื่อนั้นกุศลธรรมก็จะหมดไปด้วยและเมื่อจุติจิตของพระอรหันต์ ซึ่งเป็นจิตดวงสุดท้ายของสังสารวัฏฏ์ฎ์เกิดขึ้น ก็ไม่มีเหตุให้จิตดวงต่อๆ ไปเกิดขึ้นอีกเลย เพราะจุติจิตของพระอรหันต์ไม่เป็นอนันตรปัจจัยเป็นการแสดงถึง ความสิ้นสุดของสังสารวัฏฏ์ฎ์ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
จากหนังสือ .. กรรมคำตอบของชีวิต โดย อัญญมณี มัลลิกะมาส
ด้วยอำนาจของอนันตรปัจจัย กล่าวคือ เมื่อจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปอย่างรวดเร็วนั้นจิตดวงเก่าที่ดับไปนั่นเอง เป็นปัจจัยให้เกิดจิตดวงใหม่ขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบนี้เป็นเหตุผล ที่จะอธิบายเรื่องของ วิบากกรรม-อนัตตา ได้โดยสอดคล้องได้ คือทุกสิ่งเป็นอนัตตา แต่อำนาจของอนันตรปัจจัย เป็นเพียงปัจจัยให้เกิดจิตดวงใหม่ขี้น สิ่งที่ดับไปแล้วก็ดับไปแล้ว เหตุใหม่ก็จะเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปอีก บังคับบัญชาไม่ได้ ผมเข้าใจได้ใกล้เข้ามาอีกนิดไหมครับ