๘. เรื่องมาร [๒๔๗]
[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 317
๘. เรื่องมาร [๒๔๗]
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 43]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 317
๘. เรื่องมาร [๒๔๗]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมาร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "นิฏฺํ คโต" เป็นต้น.
มารแปลงเป็นช้างรัดกระหม่อมพระราหุล
ความพิสดารว่า ในวันหนึ่งเวลาวิกาล พระเถระเป็นอันมากเข้าไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร ไปถึงที่เป็นที่อยู่ของพระราหุลเถระแล้วก็ไล่ท่าน ให้ลุกขึ้น. ท่านเมื่อไม่เห็นที่เป็นที่อยู่ในที่อื่น จึงไปนอนที่หน้ามุขพระคันธกุฎีของพระตถาคต. คราวนั้น ท่านผู้มีอายุนั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว ได้เป็นผู้ยังไม่มีพรรษาเลย.
มารชื่อวสวัตดี ดำรงอยู่ในภพนั่นแหละ เห็นท่านผู้มีอายุนั้นนอนที่หน้ามุขพระคันธกุฎี จึงคิดว่า "พระหน่อน้อยผู้แทงใจของพระสมณโคดมนอนข้างนอก, ส่วนพระองค์ผทมในภายในพระคันธกุฎี เมื่อเราบีบคั้นพระหน่อน้อย พระองค์เองก็จัก (เป็นเหมือน) ถูกบีบคั้น (ด้วย)." มารนั้น นิรมิตเพศเป็นพระยาช้างใหญ่มา เอางวงรัดกระหม่อมพระเถระ แล้วร้องดุจนกกระเรียนด้วยเสียงดัง.
พระศาสดาทรงแสดงเหตุที่พระราหุลไม่กลัว
พระศาสดาผทมในพระคันธกุฎี ทรงทราบว่าช้างนั้นเป็นมาร จึงตรัสว่า "มาร คนเช่นท่านนั้นแม้ตั้งแสน ก็ไม่สามารถเพื่อจะให้ความกลัวเกิดแก่บุตรของเราได้, เพราะว่าบุตรของเรามีปกติไม่สะดุ้ง มีตัณหาไปปราศจากแล้ว มีความเพียรใหญ่ มีปัญญามาก" ดังนี้แล้ว ได้ทรง ภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 318
๘. นิฏํ คโต อสนฺตาสี วีตตโณฺห อนงฺคโณ อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ อนฺติโมยํ สมฺสฺสโย. วีตตโณฺห อนาทาโน นิรุตฺติปทโกวิโท อกฺขรานํ สนฺนิปาตํ ชญฺา ปุพฺพปรานิ จ ส เว อนฺติมสารีโร มหาปญฺโ มหาปุริโสติ วุจฺจติ.
" (ผู้ใด) ถึงความสำเร็จ มีปกติไม่สะดุ้ง มีตัณหาไปปราศแล้ว ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวนใจ ได้ตัดลูกศร อันให้ไปสู่ภพทั้งหลายเสียแล้ว, กายนี้ (ของผู้นั้น) ชื่อว่ามีในที่สุด. (ผู้ใด) มีตัณหาไปปราศแล้ว ไม่มีความถือมั่น ฉลาดในบทแห่งนิรุตติ รู้ที่ประชุมแห่งอักษรทั้งหลาย. และรู้เบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งอักษรทั้งหลาย. ผู้นั้นแล มีสรีระมีในที่สุด เราย่อมเรียกว่าผู้มีปัญญามาก เป็นมหาบุรุษ.
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า นิฏฺํ คโต ความว่า พระอรหัต ชื่อว่า ความสำเร็จของบรรพชิตทั้งหลาย ในพระศาสนานี้, ถึง คือบรรลุพระอรหัตนั้น.
บทว่า อสนฺตาสี คือ ผู้ชื่อว่าไม่สะดุ้ง เพราะไม่มีกิเลสเครื่องสะดุ้ง คือราคะเป็นต้น ในภายใน.
บาทพระคาถาว่า อจฺฉินฺทิ ภวสลฺลานิ คือ ได้ตัดลูกศรอันมีปกติ ให้ไปสู่ภพทั้งสิ้น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 319
บทว่า สมุสฺสโย คือ ร่างกายนี้ ของผู้นั้นมีในที่สุด.
บทว่า อนาทาโน คือ ผู้ไม่มีการยึดถือในขันธ์เป็นต้น.
บาทพระคาถาว่า นิรุตฺติปทโกวิโท ความว่า ผู้ฉลาดในปฏิสัมภิทา แม้ทั้ง ๔ คือ ในนิรุตติ และบทที่เหลือ.
สองบาทพระคาถาว่า อกฺขรานํ สนฺนปาตํ ชญฺา ปุพฺพาปรานิ จ ความว่า ย่อมรู้หมวดหมู่แห่งอักษร กล่าวคือที่ประชุมแห่งอักษรทั้งหลาย และรู้อักษรเบื้องปลายด้วยอักษรเบื้องต้น และอักษรเบื้องต้นด้วยอักษรเบื้องปลาย. ชื่อว่า รู้จักอักษรเบื้องปลายด้วยอักษรเบื้องต้น คือเมื่อเบื้องต้นปรากฏอยู่ ในท่ามกลางและที่สุด แม้ไม่ปรากฏ, ก็ย่อมรู้ได้ว่า "นี้เป็นท่ามกลางแห่งอักษรเหล่านี้, นี้เป็นที่สุด," ชื่อว่า ย่อมรู้จักอักษรเบื้องต้น ด้วยอักษรเบื้องปลาย คือเมื่อที่สุดปรากฏอยู่ เมื่อเบื้องต้นและท่ามกลาง แม้ไม่ปรากฏ, ก็ย่อมรู้ได้ว่า "นี้เป็นท่ามกลางแห่งอักษรเหล่านั้น, นี้เป็นเบื้องต้น" เมื่อท่ามกลางปรากฏอยู่ เมื่อเบื้องต้นและที่สุดแม้ไม่ปรากฏ, ย่อมทราบได้เหมือนกันว่า "นี้เป็นเบื้องต้นแห่งอักษรเหล่านั้น, นี้เป็นที่สุด."
บทว่า มหาปญฺโ ความว่า ท่านผู้มีสรีระตั้งอยู่ในที่สุดนั่นพระศาสดาตรัสเรียกว่า ผู้มีปัญญามาก เพราะความเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาอันกำหนดถือเอาซึ่งอรรถ ธรรม นิรุตติ และปฏิภาณ และศีลขันธ์เป็นต้นอันใหญ่ และตรัสว่าเป็นมหาบุรุษ เพราะความเป็นผู้มีจิตพ้นแล้ว โดยพระบาลีว่า "สารีบุตร เราเรียกผู้มีจิตพ้นแล้วแล ว่า มหาบุรุษ."