พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๑. เรื่องภิกษุ ๕ รูป [๒๕๒]

 
บ้านธัมมะ
วันที่  26 ก.ค. 2564
หมายเลข  35059
อ่าน  502

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 341

๒๕. ภิกขุวรรควรรณนา

๑. เรื่องภิกษุ ๕ รูป [๒๕๒]


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 43]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 341

๒๕. ภิกขุวรรควรรณนา

๑. เรื่องภิกษุ ๕ รูป [๒๕๒]

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ ๕ รูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "จกฺขุนา สํวโร สาธุ" เป็นต้น.

ภิกษุ ๕ รูปรักษาทวารต่างกัน

ดังได้สดับมา บรรดาภิกษุ ๕ รูปนั้น รูปหนึ่งๆ ย่อมรักษาทวาร ทั้ง ๕ มีจักษุทวารเป็นต้น รูปละทวารเท่านั้น.

ต่อมาวันหนึ่ง พวกเธอประชุมกันแล้ว เถียงกันว่า "ผมย่อมรักษาทวารที่รักษาได้ยาก, ผมย่อมรักษาทวารที่รักษาได้ยาก" แล้วกล่าวว่า "พวกเราทูลถามพระศาสดาแล้ว จักรู้เนื้อความนี้" จึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา กราบทูลถามว่า "พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์รักษาทวาร มีจักษุทวารเป็นต้นอยู่ ย่อมสำคัญว่า "ทวารที่ตนๆ รักษานั่นแล เป็นสิ่งที่รักษาได้โดยยาก, บรรดาพวกข้าพระองค์ ใครหนอแล ย่อมรักษาทวารที่รักษาได้โดยยาก."

พระศาสดาทรงแก้ความเข้าใจผิดของภิกษุ ๕ รูป

พระศาสดาไม่ทรงยังภิกษุแม้รูปหนึ่งให้น้อยใจแล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ทวารเหล่านั้นแม้ทั้งหมด เป็นสิ่งที่รักษาได้โดยยากแท้ อีกอย่างหนึ่งแล พวกเธอไม่สำรวมแล้วทวารทั้ง ๕ ในบัดนี้เท่านั้น หามิได้, แม้ในกาลก่อน พวกเธอก็ไม่สำรวมแล้ว ก็พวกเธอไม่ประพฤติ

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 342

ในโอวาทของบัณฑิตทั้งหลาย ถึงความสิ้นไปแห่งชีวิต ก็เพราะความที่ทวารเหล่านั้น อันตนไม่สำรวมแล้วนั่นแล" อันภิกษุเหล่านั้นทูลวิงวอนว่า "เมื่อไร พระเจ้าข้า" จึงทรงยังเรื่องตักกสิลชาดก (๑) ให้พิสดารแล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า:-

"เราทั้งหลาย ไม่ได้ถึงอำนาจแห่งรากษสทั้งหลายเลย เพราะความเป็นผู้ตั้งมั่น ด้วยความเพียรอันมั่น ในอุบายเครื่องแนะนำของท่านผู้ฉลาด และ เพราะความเป็นผู้ขลาดต่อภัย, ความสวัสดี จากภัยใหญ่นั้น ได้มีแล้วแก่เรา."

ซึ่งพระมหาสัตว์ผู้ได้รับอภิเษกแล้ว ในเมื่อราชตระกูลถึงความสิ้นไปแห่งชีวิต เพราะอำนาจแห่งรากษสทั้งหลาย ประทับนั่งเหนือราชอาสน์ ณ ภายใต้เศวตฉัตร ทอดพระเนตรดูสิริสมบัติของพระองค์แล้ว ตรัสว่า "ชื่อว่าความเพียรนี่ สัตว์ทั้งหลายควรทำแท้" แล้วทรงเปล่งด้วยอำนาจแห่งความเบิกบาน ทรงประชุมชาดกว่า "แม้กาลนั้น เธอทั้งหลายเป็นชน ๕ คน มีอาวุธในมือ แวดล้อมพระมหาสัตว์ซึ่งเสด็จออกไป เพื่อประโยชน์จะยึดเอาราชสมบัติในเมืองตักกสิลา เดินทางไปไม่สำรวมแล้วในอารมณ์มีรูปารมณ์เป็นต้น ที่รากษสทั้งหลายนำเข้ามา ด้วยอำนาจแห่งทวารมีจักษุทวารเป็นต้น ในระหว่างทาง ไม่ประพฤติในโอวาทของบัณฑิต แลดูอยู่ ถูกรากษสทั้งหลายเคี้ยวกิน ถึงความสิ้นไปแห่งชีวิต,


(๑) ขุ. ชา. ๒๗/ข้อ ๔๓. ปัญจภีรุกชาดก. อรรถกถา. ๒/๓๕๓.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 343

ส่วนพระราชาผู้ทรงสำรวมในอารมณ์เหล่านั้น ไม่เอื้อเฟื้อถึงนางยักษิณี ผู้มีเพศดุจเทพยดา แม้ติดตามไปอยู่ข้างหลังๆ เสด็จถึงเมืองตักกสิลาโดยสวัสดิภาพแล้ว ถึงความเป็นพระราชา คือเราแล" แล้วตรัสว่า "ธรรมดาภิกษุ ควรสำรวมทวารแม้ทั้งหมด, เพราะว่า ภิกษุสำรวมทวารเหล่านั้น นั่นแล ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรม ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านั้นว่า :-

๑. จกฺขุนา สํวโร สาธุ สาธุ โสเตน สํวโร ฆาเนน สํวโร สาธุ สาธุ ชิวฺหาย สํวโร กาเยน สํวโร สาธุ สาธุ วาจาย สํวโร มนสา สํวโร สาธุ สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

"ความสำรวมทางตา เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ, ความสำรวมทางหู เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ, ความสำรวมทางจมูก เป็นคุณยังประโยชน์ ให้สำเร็จ, ความสำรวมทางลิ้น เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ, ความสำรวมทางกาย เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ, ความสำรวมทางวาจา เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ, ความสำรวมทางใจ เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ, ความสำรวมในทวารทั้งปวง เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ, ภิกษุผู้สำรวมแล้วในทวารทั้งปวง ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้."

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 344

แก้อรรถ

พึงทราบวินิจฉัยในบทว่า จกฺขุนา เป็นต้น ในพระคาถานั้น ดังต่อไปนี้ :-

ก็ในกาลใด รูปารมณ์มาสู่คลองในจักษุทวารของภิกษุ, ในกาลนั้น เมื่อภิกษุไม่ยินดีในอารมณ์ที่น่าปรารถนา ไม่ยินร้ายในอารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่ยังความหลงให้เกิดขึ้นในเพราะความเพ่งเล็งอันไม่สม่ำเสมอ, ความสำรวม คือความกั้น ได้แก่ความปิด หมายถึงความคุ้มครอง ชื่อว่า เป็นกิริยาอันภิกษุทำแล้วในทวารนั้น ความสำรวมทางจักษุนั้นเห็นปานนั้น ของภิกษุนั้น เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ. นัยแม้ในทวารอื่นมีโสตทวารเป็นต้น ก็เหมือนกับนัยนี้.

ก็ความสำรวมหรือความไม่สำรวม ย่อมไม่เกิดในทวารทั้งหลายมีจักษุทวารเป็นต้นเลย, แต่ความสำรวมหรือความไม่สำรวมนี้ ย่อมได้ในวิถีแห่งชวนจิตข้างหน้า จริงอยู่ ในคราวนั้น ความไม่สำรวมเมื่อเกิดขึ้นเป็นอกุศลธรรม ๕ อย่างนี้ คือ "ความไม่เชื่อ ความไม่อดทน ความเกียจคร้าน ความหลงลืมสติ ความไม่รู้" ย่อมได้ในอกุศลวิถี. ความสำรวมเมื่อเกิดขึ้นเป็นกุศลธรรม ๕ อย่างนี้ คือ "ความเชื่อ ความอดทน ความเพียร ความระลึกได้ ความรู้" ย่อมได้ในกุศลวิถี.

ก็ปสาทกายก็ดี โจปนกายก็ดี ย่อมได้ในสองบทนี้ว่า "กาเยน สํวโร" ก็คำว่าปสาทกายและโจปนกาย แม้ทั้งสองนั่น คือกายทวาร นั่นเอง. ในกายทวารทั้งสองนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสความสำรวมและความไม่สำรวมไว้ในปสาททวารเทียว. ตรัสปาณาติบาต อทินนาทาน และ

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 345

มิจฉาจารซึ่งมีปสาททวารนั้นเป็นที่ตั้งไว้แม้ในโจปนทวาร. ทวารนั้น ชื่อว่าอันภิกษุไม่สำรวมแล้ว เพราะอกุศลธรรมเหล่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ในอกุศลวิถี พร้อมด้วยปสาททวารและโจปนทวารเหล่านั้น, ทวารนั้น ชื่อ ว่าเป็นอันภิกษุสำรวมแล้ว. เพราะวิรัติทั้งหลาย มีเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากปาณาติบาตเป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ในกุศลวิถี.

โจปนวาจา ตรัสไว้แม้ในสองบทนี้ว่า "สาธุ วาจาย" ทวารนั้น ชื่อว่าอันภิกษุไม่สำรวมแล้ว เพราะวจีทุจริตทั้งหลายมีมุสาวาทเป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ พร้อมด้วยโจปนวาจานั้น, ชื่อว่า อันภิกษุสำรวมแล้ว เพราะวิรัติทั้งหลาย มีเจตนาเป็นเครื่องเว้นจากมุสาวาทเป็นต้น.

มโนทุจริตทั้งหลายมีอภิชฌาเป็นต้น กับด้วยใจอื่นจากใจที่แล่นไป ย่อมไม่มีแม้ในสองบทนี้ว่า "มนสา สํวโร." แต่ทวารนั้น ชื่อว่าอันภิกษุไม่สำรวมแล้ว เพราะมโนทุจริตทั้งหลายมีอภิชฌาเป็นต้นซึ่งเกิดขึ้นอยู่ในขณะแห่งชวนจิตในมโนทวาร, ชื่อว่าอันภิกษุสำรวมแล้ว เพราะมโนสุจริตทั้งหลายมีอนภิชฌาเป็นต้น (ซึ่งเกิดขึ้นในขณะแห่งชวนจิตใน มโนทวาร).

สองบทว่า สาธุ สพฺพตฺถ ความว่า ความสำรวมแม้ในทวารทั้งปวงมีจักษุทวารเป็นต้นเหล่านั้น เป็นคุณยังประโยชน์ให้สำเร็จ. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงทวารที่ภิกษุสำรวม ๘ อย่าง และทวารที่ภิกษุไม่สำรวม ๘ อย่าง ด้วยพระพุทธพจน์เพียงเท่านี้. ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในทวารที่ไม่สำรวม ๘ อย่างนั้น ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ซึ่งมีวัฏฏะเป็นมูลทั้งสิ้น, ส่วนภิกษุผู้ตั้งอยู่ในทวารที่สำรวม ย่อมพ้นจากทุกข์ซึ่งมีวัฏฏะเป็นมูลแม้ทั้งสิ้น

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 346

เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "สพฺพตฺถ สํวุโต ภิกฺขุ สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ."

ในกาลจบเทศนา ภิกษุ ๕ รูปตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล, เทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่มหาชนผู้ประชุมกันแล้ว ดังนี้แล.

เรื่องภิกษุ ๕ รูป จบ.