๓. เรื่องมาร [๒๖๖]
[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 428
๓. เรื่องมาร [๒๖๖]
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 43]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 428
๓. เรื่องมาร [๒๖๖]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภมาร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ยสฺส ปารํ อปารํ วา" เป็นต้น.
มารปลอมตัวทูลถามเรื่องฝั่ง
ได้ยินว่า ในวันหนึ่ง มารนั้นปลอมเป็นบุรุษคนใดคนหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระศาสดา แล้วทูลถามว่า "พระเจ้าข้า สถานที่อันพระองค์ตรัสว่า ฝั่งๆ อะไรหนอแล ที่ชื่อว่าฝั่งนั่น."
พระศาสดาทรงทราบว่า "นี้เป็นมาร" จึงตรัสว่า "มารผู้มีบาป ประโยชน์อะไรของท่านด้วยฝั่ง, ฝั่งนั้น อันผู้มีราคะไปปราศแล้วทั้งหลายพึงถึง" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๓. ยสฺส ปารํ อปารํ วา ปาราปารํ น วิชฺชติ วีตทฺทรํ วิสญฺญุตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
"ฝั่งก็ดี ที่มิใช่ฝั่งก็ดี ฝั่งและมิใช่ฝั่งก็ดี ไม่มีแก่ผู้ใด, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีความกระวนกระวาย ไปปราศแล้ว ผู้พราก (จากกิเลส) ได้แล้วว่า เป็น พราหมณ์."
แก้อรรถ
อายตนะอันเป็นไปในภายใน ๖ ชื่อว่า ปารํ ในพระคาถานั้น. อายตนะอันมี ณ ภายนอก ๖ ชื่อว่า อปารํ. อายตนะทั้งสองนั้น ชื่อว่า ปาราปารํ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 429
บทว่า น วิชฺชติ ความว่า ฝั่งและที่มิใช่ฝั่งทั้งหมดนั่น ไม่มีแก่ผู้ใด เพราะความไม่มีการยึดถือว่า "เรา" หรือว่า "ของเรา". เราเรียก ผู้นั้น ซึ่งชื่อว่ามีความกระวนกระวายไปปราศแล้ว เพราะอันไปปราศแห่งความกระวนกระวายคือกิเลสทั้งหลาย ผู้พรากจากกิเลสทั้งปวงได้แล้ว ว่า เป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องมาร จบ.