๒๐. เรื่องพระเขมาภิกษุณี [๒๘๓]
[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 472
๒๐. เรื่องพระเขมาภิกษุณี [๒๘๓]
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 43]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 472
๒๐. เรื่องพระเขมาภิกษุณี [๒๘๓]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ ทรงปรารภพระเขมาภิกษุณี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "คมฺภีรปญฺํ" เป็นต้น.
พระเขมาภิกษุณีพบท้าวสักกะ
ความพิสดารว่า ในวันหนึ่ง ท้าวสักกเทวราชเสด็จมากับเทวบริษัท ในระหว่างแห่งปฐมยาม ประทับนั่งสดับธรรมกถาอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึงอยู่ ในสำนักพระศาสดา.
ในขณะนั้น พระเขมาภิกษุณีมาด้วยดำริว่า "จักเฝ้าพระศาสดา" เห็นท้าวสักกะแล้ว ยืนอยู่ในอากาศนั่นเอง ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว ก็กลับไป.
ท้าวสักกะทอดพระเนตรเห็นพระเขมานั้นแล้ว ทูลถามว่า "พระเจ้าข้า ภิกษุณีนั่นชื่ออะไร มายืนอยู่ในอากาศนั้นเอง ถวายบังคมแล้ว กลับไป."
ลักษณะแห่งพราหมณ์ในพระพุทธศาสนา
พระศาสดาตรัสว่า "มหาบพิตร ภิกษุณีนั่น เป็นธิดาของตถาคต ชื่อเขมา เป็นผู้มีปัญญามาก ฉลาดในทางและมิใช่ทาง" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๒๐. คมฺภีรปญฺ เมธาวิํ มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ อุตฺตมตฺถํ อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 473
"เราเรียกผู้มีปัญญาลึกซึ้ง เป็นปราชญ์ ฉลาดในทางและมิใช่ทาง บรรลุประโยชน์สูงสุด นั้นว่า เป็นพราหมณ์"
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คมฺภีรปญฺํ เป็นต้น ความว่า เรา เรียกบุคคลผู้ประกอบด้วยปัญญา อันเป็นไปในธรรมทั้งหลายมีขันธ์เป็นต้น อันลึกซึ้ง ผู้เป็นปราชญ์ ประกอบด้วยปัญญาอันรุ่งเรืองในธรรม ผู้ชื่อว่า ฉลาดในทางและมิใช่ทาง เพราะความเป็นผู้ฉลาดในทางและมิใช่ทาง อย่างนี้ คือ นี้เป็นทางแห่งทุคติ, นี้เป็นทางแห่งสุคติ, นี้เป็นทางแห่งพระนิพพาน, นี้มิใช่ทาง, ผู้บรรลุประโยชน์อันสูงสุด กล่าวคือพระอรหัตนั้นว่า เป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องพระเขมาภิกษุณี จบ.