พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๒๖. เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง [๒๘๙]

 
บ้านธัมมะ
วันที่  26 ก.ค. 2564
หมายเลข  35098
อ่าน  389

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 493

๒๖. เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง [๒๘๙]


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 43]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 493

๒๖. เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง [๒๘๙]

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โยธ ทีฆํ" เป็นต้น.

พระขีณาสพถือเอาของคนอื่นด้วยบังสุกุลสัญญา

ได้ยินว่า พราหมณ์มิจฉาทิฏฐิคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี เปลื้องผ้าสาฎกสำหรับห่ม วางไว้ ณ ที่ส่วนข้างหนึ่ง เพราะกลัวถูกกลิ่นตัวจับ นั่งผินหน้าออกมาข้างนอกประตูเรือน.

ลำดับนั้น พระขีณาสพรูปหนึ่งทำภัตกิจแล้ว กำลังเดินไปสู่วิหาร เห็นผ้าสาฎกนั้นแล้ว เหลียวดูข้างโน้นและข้างนี้ เมื่อไม่เห็นใครๆ จึงคิด ว่า "ผ้าสาฎกนี้หาเจ้าของมิได้" แล้วอธิษฐานเป็นผ้าบังสุกุล ถือเอาแล้ว.

ขณะนั้น พราหมณ์เห็นท่านแล้ว ด่าพลางเข้าไปหา กล่าวว่า "สมณะ โล้น ท่านถือเอาผ้าสาฎกของข้าพเจ้าทำไม"

พระขีณาสพ. พราหมณ์ นั่นผ้าสาฎกของท่านหรือ

พราหมณ์. เออ สมณะ. พระขีณาสพ. กล่าวว่า "ฉันไม่เห็นใครๆ จึงถือเอาผ้าสาฎกนั้น ด้วยสัญญาว่าเป็นผ้าบังสุกุล, ท่านจงรับเอาผ้านั้นเถิด" ให้ (ผ้าสาฎก) แก่พราหมณ์นั้นแล้วไปสู่วิหาร บอกเนื้อความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย.

ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายฟังคำของท่านแล้ว เมื่อจะทำการเยาะเย้ยกับด้วยท่าน จึงกล่าวว่า "ผู้มีอายุ ผ้าสาฎกยาวหรือสั้น หยาบหรือละเอียดหนอแล"

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 494

พระขีณาสพกล่าวว่า "ผู้มีอายุทั้งหลาย ผ้าสาฎกยาวหรือสั้น หยาบหรือละเอียดก็ช่างเถิด, ความอาลัยในผ้าสาฎกนั้นของผมไม่มี ผมถือเอาด้วยความสำคัญว่าผ้าบังสุกุล (ต่างหาก)."

ภิกษุทั้งหลายฟังคำนั้นแล้ว กราบทูลแด่พระตถาคตว่า "พระเจ้าข้า ภิกษุนั่นกล่าวคำไม่จริง พยากรณ์พระอรหัตตผล."

พระขีณาสพไม่ถือเอาของคนอื่นด้วยเจตนาขโมย

พระศาสดาตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นกล่าวคำจริง, ธรรมดา พระขีณาสพทั้งหลาย ย่อมไม่ถือเอาสิ่งของๆ คนเหล่าอื่น" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-

๒๖. โยธ ทีฆํ ว รสฺสํ วา อณุํ ถูลํ สุภาสุภํ โลเก อทินฺนํ นาทิยติ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ.

"ผู้ใด ไม่ถือเอาของยาวหรือสั้น น้อยหรือใหญ่ งามหรือไม่งาม อันเขาไม่ให้แล้ว ในโลกนี้, เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นพราหมณ์."

แก้อรรถ

พึงทราบเนื้อความแห่งพระคาถานั้น (ดังนี้) (๑) :-

ความว่า บุคคลใด ย่อมไม่ถือเอาสิ่งของยาวหรือสั้น บรรดาวัตถุทั้งหลายมีผ้าสาฎกและเครื่องประดับเป็นต้น น้อยหรือใหญ่ บรรดาวัตถุทั้งหลาย มีแก้วมณีและแก้วมุกดาเป็นต้น งามหรือไม่งาม ด้วยอำนาจ


(๑) ตสฺสตฺโถ... อตฺโถ นี้อาจจะแปลได้อีกนัยหนึ่งว่า เนื้อความว่า... ดังนี้ เป็นเนื้อความแห่งคำอันเป็นคาถานั้น.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 3 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้า 495

แห่งวัตถุอันมีค่ามากและมีค่าน้อย อันบุคคลอื่นหวงแหนแล้วในโลกนี้, เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นพราหมณ์.

ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

เรื่องภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง จบ.