เมื่อเดินย่อมรู้ว่าเราเดิน

 
kchat
วันที่  21 เม.ย. 2550
หมายเลข  3511
อ่าน  2,050

ก็ย้อนมาถึงคำว่า "เมื่อเดินย่อมรู้ว่าเราเดิน" คำว่าย่อมรู้ว่าเราเดินนี้ "รู้ชัด" ว่า เราเดินภาษาบาลี "ปชานาติ" ย่อม " รู้ชัด " ว่าเราเดินท่านแปลว่า "ชัด" คือ รู้ทั่ว นั้นแหละ ศัพท์นี้ตรงกับคำว่า "ปัญญา" แล้วปชานาติ ไปรู้ชัดอะไร "เดิน" มันจะ เห็นอะไร จะได้อะไรขึ้นมามันจะทำลายอะไร ทำลายความเห็นผิดอะไร มันทำลาย ไม่ได้ ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฎในขณะนั้นนะ แล้วปัญญาจะเกิดได้อย่างไร ปัญญาจะเกิด ต่อเมื่อรู้สภาพธรรมที่ปรากฎ จริงๆ ไม่ใช่หรอกว่า เดินไปนะเดี๋ยวจะ หายวูบไป จะได้โน่น ได้นี่อะไร ไม่มี ไม่ได้ไปว่าใคร มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ขณะเดินสารพัดอารมณ์ต่างๆ จะปรากฎไม่ว่าทางใด ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางกาย ไม่ใช่จะต้องไปเจาะจงลงไป อาจจะเห็นก็ได้ ได้ยินก็ได้ ในขณะที่เดินอยู่ แล้วแต่สภาพธรรมใดจะปรากฎ

จาก สนทนาเรื่องการปฏิบัติธรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 21 เม.ย. 2550

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เพื่อไม่ให้เราหลงลืมสติ เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏทางหนึ่งทางใด ใน ๖ ทาง (ตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ย. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 14 มิ.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ