ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค จัดอยู่ในส่วนใดในปรมัตถธรรม 4 ครับ
.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม ไม่ใช่การไปหาคำ ตรงนั้นตรงนี้ คืออะไร เกี่ยวข้องในธรรมไหน สัมพันธ์กันยังไง รู้แล้วได้อะไร แล้วประโยชน์ที่ได้คืออะไร เพราะประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม คือ เพื่อปัญญาเข้าใจถูก เข้าใจถูกในอะไร เข้าใจถูกในธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เพื่อละคลายกิเลส ที่ต้องละก่อน คือ ความยึดถือว่าเป็นเรา ทิฏฐิเจตสิก ความเห็นผิดนั่นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าศึกษาด้วยความไม่แยบคาย ก็ย่อมไม่ได้สาระ ไม่ได้ประโยชน์จากพระธรรม เพราะพระธรรมเป็นไปเพื่อรู้แล้วละ ด้วยจุดประสงค์ของการศึกษาที่ถูกต้องเพื่อเข้าใจความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง พระธรรม มีหลากหลาย มีนัยต่างๆ ทั้งหมดทั้งปวง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งโดยนัยของปรมัตถธรรม ๔ (จิต เจตสิก รูป นิพพาน) ก็ดี โดยนัยของอริยสัจจ์ ๔ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ก็ดี ก็เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ อย่างถูกต้องทั้งหมด ถ้าได้ฟังบ่อยๆ เนืองๆ มีความเข้าใจ ก็จะไม่คิดที่จะจับคู่ธรรม แต่สามารถเข้าใจอย่างถูกต้องได้ในความเป็นจริงของธรรม ที่สอดคล้องกัน ตรงกันทั้งหมด เช่น ทุกข์ ได้แก่ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งหมด จะพ้นจากจิต เจตสิก รูป ได้ไหม ที่เป็นทุกข์ สภาพธรรมที่เป็นสมุทัยซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์ คือ โลภะ แล้วโลภะ เป็นอะไร เป็นเจตสิกที่เกิดประกอบกับจิต ใช่หรือไม่? นิโรธ เป็นความดับทุกข์ คือ พระนิพพาน ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ มีลักษณะที่สงบ เปลี่ยนแปลงให้เป็นอย่างอื่นได้ไหม? ไม่ได้อย่างแน่นอน ก็เป็นนิพพานปรมัตถ์ สำหรับธรรมที่เป็นหนทาง นำไปสู่การดับทุกข์ คือ อริยมรรค มีองค์ ๘ ก็ได้แก่เจตสิก ๘ ประเภท มีปัญญาเป็นต้น ก็เป็นธรรมที่มีจริงๆ ทั้งหมด ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...