พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๘. นันทิวิสาลชาดก ว่าด้วยการพูดดี

 
บ้านธัมมะ
วันที่  4 ส.ค. 2564
หมายเลข  35227
อ่าน  460

[เล่มที่ 55] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 308

๘. นันทิวิสาลชาดก

ว่าด้วยการพูดดี


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 55]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 5 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 308

๘. นันทิวิสาลชาดก

ว่าด้วยการพูดดี

, [๒๘] บุคคลพึงกล่าวแต่คำที่น่าพอใจเท่านั้น ไม่พึงกล่าวคำที่ไม่น่าพอใจในกาลไหน ณ เมื่อพราหมณ์ กล่าวคำน่าพอใจ โคนันทิวิสาลได้ลากเอาภาระอันหนักไปได้ ทำพราหมณ์ผู้นั้นไห้ได้ทรัพย์ด้วย ตนเองเป็นผู้ปลื้มใจเพราะการช่วยเหลือนั้นด้วย.

จบนันทิวิสาลชาดกที่ ๘

๘. อรรถกถานันทิวิสาลชาดก

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการพูดเสียดแทงให้เจ็บใจ ของพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำ เริ่มต้นว่า มนุญฺเมว ภาเสยฺย ดังนี้.

ความพิศดารว่า สมัยนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เมื่อกระทำการทะเลาะ ย่อมขู่ ย่อมตะเพิด ย่อมทิ่มแทง ย่อมด่าด้วยเรื่องสำหรับด่า ๑๐ ประการ ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้เรียกภิกษุฉัพพัคคีย์มาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่าพวกเธอ กระทำการทะเลาะจริงหรือ? เมื่อพวกภิกษุฉัพพัคคีย์กราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า จึงทรงติเตียนแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าวาจาหยาบกระทำ

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 5 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 309

แต่ความฉิบหายให้ ไม่เป็นที่พอใจแม้แห่งสัตว์ดิรัจฉาน แม้ในกาลก่อนสัตว์ดิรัจฉานตัวหนึ่ง ย่อมยังคนผู้ร้องเรียกตนด้วยคำหยาบให้พ่ายแพ้ด้วย ทรัพย์พันหนึ่ง แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้.

ในอดีตกาล มีพระราชาพระนามว่าคันธาระ ครองราชสมบัติอยู่ใน เมืองตักกศิลา แคว้นคันธาระ พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดโค. ครั้งในกาล ที่พระโพธิสัตว์เป็นลูกโคหนุ่มนั่งเอง พราหมณ์คนหนึ่งได้พระโพธิสัตว์นั้น จากสำนักของทายกผู้ให้ทักษิณา ตั้งชื่อว่านันทิวิสาล แล้วตั้งไว้ในฐานะบุตร รักใคร่มาก ให้ข้าวยาคูและภัตเป็นต้นบำรุงเลี้ยงแล้ว. พระโพธิสัตว์เจริญวัย แล้ว คิดว่า พราหมณ์นี้ปรนนิบัติเราได้โดยยาก ชื่อว่าโคอื่นผู้มีธุระเสมอเช่นกับเรา ย่อมไม่มีในชมพูทวีปทั้งสิ้น ถ้ากระไร เราพึงแสดงกำลังของตน แล้วพึงให้ค่าเลี้ยงดูแก่พราหมณ์. วันหนึ่ง พระโพธิสัตว์นั้นกล่าวกะพราหมณ์ ว่า พราหมณ์ท่านจงไป จงเข้าไปหาโควินทกเศรษฐีนั่น แล้วกล่าวว่า โคพลิพัทของเรายังเกวียนร้อยเล่มซึ่งผูกติดๆ กันให้เคลื่อนไปได้ ท่านจงกระทำการเดิมพันด้วยทรัพย์พันกหาปณะพราหมณ์นั้น จึงไปยังสำนักของเศรษฐี สั่งสนทนาขึ้นว่า ในนครนี้โคของใครเพียบพร้อมด้วยเรี่ยวแรง. ลำดับนั้น เศรษฐีจึงกล่าวกะพราหมณ์นั้นว่า ของคนโน้นและของคนโน้น แล้วกล่าวว่า ก็ทั่วทั้งนครโคชื่อว่าเช่นกับด้วยโคทั้งหลายของเรา ย่อมไม่มี. พราหมณ์กล่าว ว่า โคของเราตัวหนึ่งสามารถให้เกวียนร้อยเล่มผูกติดๆ กันเคลื่อนไปได้ มีอยู่. เศรษฐีกล่าวว่า คฤหบดี โคเห็นปานนี้จะมีแต่ไหน. พราหมณ์กล่าวว่า อยู่ในเรือนของเรา. เศรษฐีกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านจงการทำเดิมพัน. พราหมณ์กล่าวว่า ดีละ ข้าพเจ้าจะทำ แล้วได้กระทำเดิมพันด้วยทรัพย์พันกหาปณะ พราหมณ์นั้นยังเกวียนร้อยเล่มให้เต็มด้วยทราย กรวด และหินเป็นต้น

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 5 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 310

แล้วจอดไว้ตามลำดับกัน แล้วผูกเกวียนทุกเล่มเข้าด้วยกันด้วยเชือกสำหรับผูก เพลาแล้วให้โคนันทิวิสาลอาบน้ำแล้วเจิมด้วยของหอม ประดับพวงมาลาที่คอ แล้วเทียมเฉพาะตัวเท่านั้นที่ทูบเกวียนเล่มแรก ตนเองนั่งที่ทูบเกวียน เงื้อปฏัก ขึ้นแล้วกล่าวว่า เจ้าโคโกง จงลากไป เจ้าโคโกง จงนำไป. พระโพธิสัตว์คิด ว่า พราหมณ์นี้ร้องเรียกเราผู้ไม่โกง ด้วยวาทะว่าโกง จึงได้ยืนทำเท้าทั้ง ๔ ให้นิ่ง เหมือนเสา. ทันใดนั้น เศรษฐีจึงให้พราหมณ์นำทรัพย์พันกหาปณะมา. พราหมณ์แพ้ (พนัน) ด้วยทรัพย์พันกหาปณะ จึงปลดโคแล้วไปเรือน ถูกความโศกครองงำ จึงได้นอน. โคนันทิวิสาลเที่ยวไปแล้วกลับมา เห็นพราหมณ์ ถูกความโศกครองงำ จึงเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า พราหมณ์ ท่านนอนหลับหรือ. พราหมณ์กล่าวว่า เราแพ้พนันด้วยทรัพย์พันกหาปณะ จะมีความหลับมาแต่ไหน. โคนันทิวิสาลกล่าวว่า ท่านพราหมณ์ ฉันอยู่ในเรือนของท่านมาตลอดกาลมี ประมาณเท่านี้ เคยทำภาชนะอะไรๆ แตก เคยเหยียบใครๆ หรือเคยถ่าย อุจจาระ ปัสสาวะ ในที่อันไม่ควร มีอยู่หรือ. พราหมณ์กล่าวว่า ไม่มีดอกพ่อ. ลำดับนั้น โคนันทิวิสาลกล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร ท่านจึงเรียก ฉันด้วยวาทะว่าโคโกง นั้นเป็นโทษของท่านเท่านั้นโทษของฉันไม่มี ท่านจงไป จงทำเดิมพันด้วยทรัพย์ ๒,๐๐๐ กหาปณะกับเศรษฐีนั้น ขออย่างเดียวท่านอย่า เรียกฉันผู้ไม่โกง ด้วยวาทะว่าโคโกง พราหมณ์ได้ฟังคำของโคนันทิวิสาลนั้น แล้วไปการทำเดิมพันด้วยทรัพย์ ๒,๐๐๐ กหาปณะแล้วผูกเกวียนร้อยเล่มติดกัน โดยนัยอันมีแล้วในก่อน ประดับโคนันทิวิสาลแล้วเทียมเกวียนเล่มแรกเข้าที่ทูบเกวียน. ถามว่า เทียมอย่างไร? ตอบว่า พราหมณ์ผูกแอกให้แน่นที่ทูบเกวียนแล้วเทียม โคนันทิวิสาลเข้าที่ปลายแอกข้างหนึ่งแล้วเอาเชือกที่ทูบเกวียน พันปลายแอกข้างหนึ่งแล้วใส่ไม้ค้ำยันปลายแอก เพลา และเชิงเกวียนเอาเชือกนั้นผูกให้แน่นแล้วจอดไว้ ก็เมื่อกระทำอย่างนี้ แอกย่อมไม่เคลื่อนไปทางโน้น

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 5 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 311

ทางนี้ โคตัวเดียวเท่านั้น อาจลากไปได้ ลำดับนั้น พราหมณ์นั่งบนทูบเกวียน ลูบหลังโคนันทิวิสาลนั้นพลางกล่าวว่า โคผู้เจริญ พ่อจงไป โคผู้เจริญ พ่อจงลากไป. พระโพธิสัตว์ลากเกวียนร้อยเล่มที่ผูกติดกัน ด้วยกำลังแรงครั้งเดียวเท่านั้น ให้เกวียนเล่มที่ตั้งอยู่ข้างหลังไปตั้งอยู่ในที่ของเกวียนซึ่งตั้งอยู่ข้างหน้า โควินทกเศรษฐีแพ้แล้วได้ให้ทรัพย์ ๒,๐๐๐ กหาปณะแก่พรหมณ์ มนุษย์แม้ อื่นๆ ก็ได้ให้ทรัพย์เป็นอันมากแก่พระโพธิสัตว์ ทรัพย์ทั้งหมดนั้นได้เป็นของพราหมณ์ทั้งนั้น พราหมณ์นั้นอาศัยพระโพธิสัตว์จึงได้ทรัพย์เป็นอันมากด้วย ประการอย่างนี้.

พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าคำหยาบไม่เป็นที่ชอบใจ ของใครๆ แล้วทรงติเตียนพวกภิกษุฉัพพัคคีย์แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท เป็นพระผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า

บุคคลพึงกล่าวแต่คำที่น่าพอใจเท่านั้น ไม่พึง กล่าวคำที่ไม่น่าพอใจ ในกาลไหนๆ เมื่อพราหมณ์ กล่าวคำที่น่าพอใจโคนันทิวิสาลได้ลากเอาภาระหนักไปได้ ทำพราหมณ์ผู้นั้นให้ได้ทรัพย์ด้วย ตนเองก็เป็นผู้ปลื้มใจเพร าะการช่วยเหลือนั้นด้วย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มนุญฺเมว ภาเสยฺย ความว่า บุคคลเมื่อจะกล่าวกับคนอื่น พึงกล่าวเฉพาะปิยวาจาอันอ่อนหวานอ่อนโยนเป็นที่น่าพอใจไพเราะเว้นจากโทษ ๔ ประการ. บทว่า ครุภารํ อุททฺธริ ความว่า โคนันทิวิสาล เมื่อพราหมณ์กล่าวคำที่ไม่น่าพอใจ ก็ไม่ลากภาระ เมื่อพราหมณ์กล่าวคำเป็นที่รัก น่าพอใจในภายหลัง จึงลากภาระหนักไปให้ถึง. ก็ อักษร ในบทว่า อุททฺธริ นั้นในคาถานี้ เป็นอักษรทำการเชื่อมบท โดยการเชื่อม พยัญชนะแล.

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 5 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกวุ่าย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 312

พระศาสดาครั้น ทรงนำพระธรรมเทศนานี้ว่า มนุญฺเมว ภาเสยฺย มาด้วยประการฉะนี้แล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ในกาลนั้น ได้ เป็นพระอานนท์ ส่วนโคนันทิวิสาล ได้เป็นเราคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล.

จบนันทิวิสาลชาดกที่ ๘