๓. สัมโมทมานชาดก ว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
[เล่มที่ 55] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 335
๓. สัมโมทมานชาดก
ว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 55]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 335
๓. สัมโมทมานชาดก
ว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
[๓๓] นกทั้งหลายพร้อมเพรียงกันพาเอาข่ายไป เมื่อ ใด พวกมันทะเลาะกัน เมื่อนั้น พวกมันจักตกอยู่ใน อำนาจของเรา.
จบสัมโมทมานชาดกที่ ๓
๓. อรรถกถาสัมโมทมานชาดก
พระศาสดาเมื่อเสด็จเข้าไปอาศัยพระนครสาวัตถี ประทับอยู่ในนิโครธาราม ทรงปรารภการทะเลาะกันแห่งพระญาติ จึงตรัสพระธรรมเทศนา นี้มีคำเริ่มต้นว่า สมฺโมทมานา ดังนี้
การทะเลาะแห่งพระญาตินั้น จักมีแจ้งในกุณาลชาดก. ก็ในกาลนั้น พระศาสดาตรัสเรียกพระญาติทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า มหาบพิตรทั้งหลาย ชื่อ ว่าการทะเลาะกันและกันแห่งพระญาติทั้งหลาย ไม่สมควร จริงอยู่ ในกาลก่อนในเวลาสามัคคีกัน แม้สัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายก็ครอบงำปัจจามิตร ถึง ความสวัสดี ในกาลใดถึงการวิวาทกัน ในกาลนั้นก็ถึงความพินาศใหญ่หลวง ผู้อันราชตระกูลแห่งพระญาติทั้งหลายทูลอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 336
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนกกระจาบมีนกกระจาบหลายพันเป็นบริวารอยู่ในป่า. ในกาลนั้นพรานล่านกกระจาบคนหนึ่ง ไปยังที่อยู่ของนกกระจาบเหล่านั้น ทำเสียงร้องเหมือนนกกระจาบ รู้ว่านกกระจาบเหล่านั้นประชุมกันแล้ว จึงทอด ตาข่ายไปข้างบนนกกระจาบเหล่านั้น แล้วกดที่ชายรอบๆ กระทำให้นกกระจาบทั้งหมดมารวมกัน แล้วบรรจุเต็มกระเช้าไปเรือน ขายนกกระจาบเหล่านั้นเลี้ยงชีพด้วยมูลค่านั้น. อยู่มาวันหนึ่ง พระโพธิสัตว์กล่าวกะนกกระจาบเหล่านั้นว่า นายพรานนกนี้ทำพวกญาติของเราทั้งหลายให้ถึงความพินาศ เรารู้อุบายอย่างหนึ่งอันเป็นเหตุให้นายพรานนกนั้นไม่อาจจับพวกเรา จำเดิมแต่บัดนี้ไปเมื่อ นายพรานนกนี้สักว่าทอดข่ายลงเบื้องบนพวกเรา ท่านทั้งหลายแต่ละตัว จงสอดหัวเข้าในตาของตาข่ายตาหนึ่งๆ พากันยกตาข่ายขึ้นแล้วพาบินไปยังที่ที่ต้องการ แล้วพาดลงบนพุ่มไม้มีหนาม เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราจักหนีไปทางส่วนเบื้องล่างโดยที่นั้น. นกกระจาบเหล่านั้นทั้งหมดพากันรับคำแล้ว ในวันที่ ๒ เมื่อพรานนกทอดข่ายลงเบื้องบน ก็พากันยกข่ายขึ้นโดยนัยที่พระโพธิสัตว์กล่าวแล้วนั่นแหละแล้วพาดลงบนพุ่มไม้มีหนามแห่งหนึ่ง ส่วนตนเองหนีไปทางนั้นๆ โดยส่วนเบื้องล่าง. เมื่อพรานนกมัวปลดข่ายจากพุ่มไม้อยู่นั่นแหละ ก็เป็นเวลาพลบค่ำ. นายพรานนกนั้นจึงได้เป็นผู้มีมือเปล่ากลับไป. แม้จำเดิมแต่วันรุ่งขึ้น นกกระจาบเหล่านั้นก็กระทำอย่างนั้นนั่นแหละ. ฝ่ายนายพรานนกนั้นเมื่อปลดเฉพาะข่ายอยู่ จนกระทั้งพระอาทิตย์อัสดง ไม่ได้อะไรๆ เป็นผู้มีมือเปล่าไปบ้าน. ลำดับนั้น ภรรยาของเขาโกรธพูดว่า ท่านกลับมามือเปล่า ทุกวันๆ เห็นจะมีที่ที่ท่านจะต้องเลี้ยงดูข้างนอกแม้แห่งอื่น. นายพรานนก กล่าวว่า นางผู้เจริญ เราไม่มีที่ที่จะเลี้ยงดูแห่งอื่น ก็อนึ่งแล นกกระจาบ เหล่านั้นมันพร้อมเพรียงกันเที่ยวไป มันพากันเอาข่าย สักว่าพอเราเหวี่ยงลง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 337
ไปพาดบนพุ่มไม้มีหนาม แต่พวกมันจะไม่ร่าเริงอยู่ได้ตลอดกาลทั้งปวงดอก เจ้าอย่าเสียใจ เมื่อใด พวกมันถึงการวิวาทกัน เมื่อนั้นเราจักพาเอาพวกมันทั้งหมดมา ทำหน้าของเธอให้ชื่นบานเถิด แล้วกล่าวคาถานี้แก่ภรรยาว่า
นกระจาบทั้งหลายร่าเริงบันเทิงใจพาเอาข่ายไป เมื่อใดพวกมันทะเลาะกัน เมื่อนั้นพวกมันจักตกอยู่ใน อำนาจของเรา.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ ความว่า ในกาลใด นกกระจาบเหล่านั้นมีลัทธิต่างๆ กัน มีการยึดถือต่างๆ กัน จักวิวาทกัน คือจักทำการทะเลาะกัน. บทว่า ตทา เอหินฺติ เม วสํ ความว่า ในกาลนั้นนกกระจาบเหล่านั้นแม้ทั้งหมด จักนาสู่อำนาจของเรา เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจักบนกกระจาบเหล่านั้นมา ทำใบหน้าของเธอให้เบิกบานไว้ นายพรานนกปลอบโยนภรรยาด้วยประการดังกล่าวมาฉะนี้
โดยล่วงไป ๒ - ๓ วัน นกกระจาบตัวหนึ่งเมื่อจะลงยังภาคพื้นที่หากินไม่ได้กำหนด จึงได้เหยียบหัวของนกกระจาบตัวอื่น. นกกระจาบตัวที่ถูกเหยียบหัวโกรธว่า ใครเหยียบหัวเรา เมื่อนกกระจาบตัวนั้นแม้จะพูดว่า เราไม่ได้กำหนดจึงได้เหยียบ ท่านอย่าโกรธเลย ก็ยังโกรธอยู่นั่นแหละ. นกกระจาบเหล่านั้น เมื่อพากันกล่าวอยู่ซ้ำๆ ซากๆ จึงกระทำการทะเลาะกันว่า เห็นจะ ท่านเท่านั้นกระมัง ยกข่ายขึ้นได้. เมื่อนกกระจาบเหล่านั้นทะเลาะกัน พระโพธิสัตว์คิดว่า ขึ้นชื่อว่าการทะเลาะกันย่อมไม่มีความปลอดภัย บัดนี้แหละนกกระจาบเหล่านั้นจักไม่ยกข่าย แต่นั้นจักพากันถึงความพินาศใหญ่หลวง นายพรานนกจักได้โอกาส เราไม่อาจอยู่ในที่นี้. พระโพธิสัตว์นั้นจึงพาบริษัทของตนไปอยู่ที่อื่น. ฝ่ายนายพรานนก พอล่วงไป ๒ - ๓ วัน ก็มาแล้วร้องเหมือนเสียงนกกระจาบ ซัดข่ายไปเบื้องบนของนกกระจาบเหล่านั้นผู้มาประชุม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้า 338
กัน. ลำดับนั้น นกกระจาบตัวหนึ่งพูดว่า เขาว่า เมื่อท่านยกข่ายขึ้นเท่านั้นขนบนหัวจึงร่วง บัดนี้ ท่านจงยกขึ้น. นกกระจาบอีกตัวหนึ่งพูดว่า ข่าวว่า เมื่อท่านมัวแต่ยกข่ายขึ้น (จน) ขนปีกทั้งสองข้างร่วงไป บัดนี้ท่านจงยกขึ้น. ดังนั้น เมื่อนกกระจาบเหล่านั้น มัวแต่พูดว่า ท่านจงยกขึ้น ท่านจงขึ้น นายพรานนกมารวบเอาข่าย ให้นกกระจาบเหล่านั้นทั้งหมดมารวมกันแล้วใส่เต็ม กระเช้า ได้ไปเรือน ทำให้ภรรยาร่าเริงใจ.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตรทั้งหลาย ชื่อว่าความทะเลาะแห่ง พระญาติทั้งหลายไม่ควรอย่างนี้ เพราะความทะเลาะเป็นมูลเหตุแห่งความพินาศ ถ่ายเดียว แล้วทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาสืบต่ออนุสนธิกันแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า นกกระจาบตัวที่ไม่เป็นบัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็นพระเทวทัต ส่วนนกกระจาบตัวที่เป็นบัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็นเราแล.
จบสัมโมทมานชาดกที่ ๓