พรดีปีใหม่
อยากได้ไหมคะ พอพูดว่า พร คือ สิ่งประเสริฐ อยากได้ไหมคะ ตามความเป็นจริง อย่างจริงใจทีเดียวค่ะ อยากได้สิ่งประเสริฐไหมคะ อยากได้แล้ว อะไรละคะที่เป็นสิ่งประเสริฐที่อยากจะได้ จริงๆ แล้ว “พร” ก็มาจากภาษาบาลีที่ใช้คำว่า “วรํ” หรือภาษาไทยจะใช้คำว่า “วร” และ “ว” กับ “พ” ใช้แทนกันได้ เพราะฉะนั้นแทนที่จะเป็น วรํ วร ก็เป็น “พร” หมายความถึงสิ่งประเสริฐ มีใครคิดถึงความดีบ้างไหมคะว่าเป็นสิ่งประเสริฐ มีแต่อยากได้ทั้งนั้นเลย อยากได้ลาภ อยากได้ยศ อยากได้สุข อยากได้สรรเสริญ อยากได้อายุยืน ไม่ได้คิดถึงความดี อะไรประเสริฐนี่คือการที่จะไปขอพร
คิดดูนะคะ มุ่งแต่จะไปขอพรจากใครก็ไม่รู้ ซึ่งเขาจะให้เราได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้อีก อย่างไปขอพรท่านผู้ใหญ่ ท่านจะให้เราได้ไหมคะความสุข อายุยืน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือต้องเป็นผลของความดีที่เราได้กระทำ
เพราะฉะนั้นไม่ใช่เราจะไปขอพร แล้วใครจะเอามาให้เราได้เลย ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นนี่เป็นเหตุเป็นผลจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็มีเด็กลูกหลานมาขอพร เป็นโอกาสเลยว่า ต้องการพรอะไร ก็ต้องทำความดีให้สมกับที่จะได้สิ่งนั้น มิฉะนั้นแล้วไม่มีโอกาสจะได้ ขอความสุขก็ต้องเป็นผลของความดี ขอลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องเป็นผลของกรรมดี
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 591
๑๐. สุปุพพัณหสูตร
ว่าด้วยเวลาที่เป็นฤกษ์ดี
[๕๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกายด้วยวาจา ด้วยใจ ในเวลาเช้า เวลาเช้านั้น ก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้นสัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจในเวลากลางวัน เวลากลางวันนั้น ก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้นสัตว์เหล่าใดพระพฤติสุจริตด้วยกายด้วยวาจา ด้วยใจ ในเวลาเย็นเวลาเย็นนั้น ก็เป็นเวลาดีของสัตว์เหล่านั้น.