ธรรมลึกซึ้ง
* เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้ ๗ สัปดาห์ ทรงมีพระดำริดังข้อความนี้ ซึ่งแสดงถึงความลึกซึ้งสุดประมาณของธรรมที่ได้ทรงตรัสรู้ และความยากยิ่งที่ผู้ใดจะรู้ตามได้
* มีข้อความอุปมาถึงความที่ธรรมลึกซึ้ง เห็นได้ยาก และรู้ตามได้ยากไว้ว่า "พระธรรมนี้ลึกซึ้งดุจลำน้ำหนุนแผ่นดินไว้ เห็นได้ยาก ดุจเมล็ดผักกาดที่ถูกภูเขากำบังไว้ ตั้งอยู่ และรู้ตามได้ยาก ดุจการแยกปลายด้วยปลายของขนสัตว์ที่ผ่าออก ๑๐๐ ส่วน"
* สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ลึกซึ้ง เพราะเห็นตามความจริงได้ยากยิ่งว่า เป็นธรรมแต่ละอย่าง ที่เกิดขึ้นและดับไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนใดๆ เลย และโลภะคือความติดข้อง ความอยาก ความต้องการ ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องมีทุกข์ต่างๆ ก็ลึกซึ้งยากที่จะรู้ได้ เพราะเป็นสภาพที่ลวงล่อ หลอกให้ยึดถือในสิ่งต่างๆ ด้วยความไม่รู้ตามความเป็นจริง
* พระนิพพาน ซึ่งไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เกิดดับ ก็ยากยิ่งที่จะประจักษ์แจ้งได้ เพราะเป็นสภาวะที่สงบ ประณีต ละเอียด ลึกซึ้งสุดประมาณ และหนทางที่จะประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ก็ยากยิ่งที่จะเข้าใจและอบรมเจริญได้ เพราะเป็นหนทางที่ลึกซึ้งของปัญญาตั้งแต่ขั้นการฟังพระธรรม การระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จนถึงการประจักษ์แจ้งความจริงตามลำดับ
* การที่จะค่อยๆ เข้าใจในความลึกซึ้งของธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง ต้องอาศัยการฟัง และไตร่ตรองตามพระธรรมด้วยความไม่ประมาท จะคิดคาดคะเนเอาเองไม่ได้เลย เพราะธรรมละเอียด และรู้ได้เฉพาะผู้ที่มีปัญญาเท่านั้น
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
สิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ลึกซึ้ง เพราะเห็นตามความจริงได้ยากยิ่งว่า เป็นธรรมแต่ละอย่าง ที่เกิดขึ้นและดับไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนใดๆ เลย และโลภะคือความติดข้อง ความอยาก ความต้องการ ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องมีทุกข์ต่างๆ ก็ลึกซึ้งยากที่จะรู้ได้ เพราะเป็นสภาพที่ลวงล่อ หลอกให้ยึดถือในสิ่งต่างๆ ด้วยความไม่รู้ตามความเป็นจริง
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ