ปฏิจจสมุปบาท

 
ผู้มาใหม่
วันที่  12 ส.ค. 2564
หมายเลข  35386
อ่าน  485

ในปฏิจจสมุปบาท โทสะอยู่ตรงไหนในวงจรนี้ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ผู้มาใหม่
วันที่ 12 ส.ค. 2564

ขอเพิ่มเติมนะครับเพื่อความเข้าใจ คือตรงผัสสะไปเวทนา ที่นี้ถ้าสุขเวทนามันก็ควรจะไปตัณหา แต่ถ้าทุกข์เวทนามันก็ควรจะเป็นโทสะ แต่ในวงจรมีเพียงตัณหานะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 12 ส.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะทรงแสดงโดยนัยใด ก็ละเอียดทั้งนั้น จึงต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย

ปฏิจจสมุปบาท เป็นธรรมที่อาศัยกันและกันเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ มี สิ่งนี้ จึงมี

-สำหรับ โทสะ เป็นสภาพธรรมใดในปฏิจจสมุปบาท? ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจว่า ที่มีโทสะ มีความขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ ไม่สบายใจ ทุกข์ใจ นั้น มาจากไหน ถ้าไม่ได้มาจากโลภะหรือตัณหา ความติดข้องยินดีพอใจ ในรูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น เมื่อติดข้องแล้ว พลัดพรากจากสิ่งนั้นไป ก็ทำให้เกิดความเสียใจ ทุกข์ใจ ซึ่งเป็นองค์ของปฏิจจสมุปบาท หลังๆ กล่าวคือ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ซึ่งสภาพเหล่านี้ เป็นลักษณะของโทสะ ทั้งนั้นเลย เพราะมีตัณหาหรือโลภะ เป็นเหตุเป็นปัจจัยนั่นเอง

- ส่วนประเด็นเรื่องเวทนา นั้น ตามความเป็นจริงแล้ว เวทนาทุกเวทนา เป็นที่ตั้งของความติดข้องต้องการได้ทั้งหมด บางคน ก็ชอบความรู้สึกที่เป็นทุกข์ ก็มี เช่น ชอบความเจ็บปวด ชอบความเศร้า ชอบความตื่นเต้นตกใจ เป็นต้น หรือ เมื่อมีความรู้สึกที่เป็นทุกข์ แล้ว ก็อยากให้ความรู้สึกที่เป็นทุกข์หมดไป ในขณะที่อยากให้ทุกข์หมด ก็เป็นตัณหาที่ต้องการให้ทุกข์นั้นหมดไป ซึ่งก็คือ ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยนั่นเอง

ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
มีดังนี้

ท่านอาจารย์ ก็เป็นปัจจัยให้เวทนาเกิดขึ้น มีความสุข หรือ มีความทุกข์ โสมนัส หรือ โทมนัส หรือว่า อุเบกขาเฉยๆ ก็เป็นสภาพธรรมซึ่งต้องเกิด ไม่มีใครยับยั้งว่า เมื่อ ผัสสะ กระทบแล้ว จะไม่ให้มีเวทนา เพราะฉะนั้นในขณะนี้เองก็มีเวทนา ซึ่งแล้วแต่ว่า เวทนาในขณะนี้เป็นปัจจัยแก่ ตัณหา หรือไม่ ถ้าเป็นปัจจัยแก่ตัณหาซึ่งเป็นไปใน สังสารวัฏฏ์ ก็เป็นเรื่องของการเกิดอีกๆ ๆ ไม่จบ จนกว่าจะเป็นหนทางที่รู้สภาพธรรม จึงจะเป็นหนทางดำเนินไปสู่ทางดับ ซึ่งเป็น สัมมาปฏิปทา

มีคำถามว่า เรื่องเวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ถ้า ผัสสะ กระทบกับอารมณ์ที่ไม่ทำให้ สุขเวทนา เกิด แต่ทำให้ ทุกข์ โทมนัส เกิด เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ได้หรือครับ หรือจะหมายเอาเพียงสุขเวทนาเท่านั้น ที่ทำให้เกิดตัณหา

ผู้ถาม คล้ายๆ กับคำถามของท่านผู้ฟังเมื่อกี้นี้ ที่ถามว่า เมื่อผัสสะกระทบกับอารมณ์ที่ไม่ทำให้สุขเวทนาเกิด แต่ทำให้ทุกข์ โทมนัส เกิด เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหาได้หรือครับ

ท่านอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นเวทนา ประเภทใดทั้งสิ้น เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหาได้ ถึงแม้ อุเบกขาเวทนา ตัณหาก็ชอบ ไม่เดือดร้อน ชอบจริงๆ พอใจที่จะได้มีอุเบกขาเวทนานั้นอีก ถ้าเป็น สุขเวทนา ตัณหาก็ชอบ พอใจที่จะให้เกิดสุข ถ้าเป็น ทุกขเวทนา ตัณหาก็ชอบ ที่จะให้ไม่ทุกข์ หรือ โทมนัสในขณะนั้น เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรสักอย่างเดียวที่จะไม่ทำให้เกิด ตัณหา เวลาที่มีทุกข์แล้วไม่มีตัณหา เป็นไปได้ไหมคะที่ไม่อยากจะพ้นทุกข์ แต่ทุกคนก็ทนทุกข์นั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่อยากที่จะให้มีทุกข์นั้น โดยอยากให้ทุกข์นั้นหมดไป เพราะฉะนั้นในขณะที่อยากให้ทุกข์หมด ก็เป็นตัณหาที่ต้องการให้ทุกข์นั้นหมดไป และสำหรับ โทมนัสก็เช่นเดียวกัน ไมมีใครชอบความโศก ความทุกข์ ความไม่สบายใจ เพราะฉะนั้น ทุกคนก็ถามว่าทำอย่างไร ถึงจะไม่ทุกข์ ไม่โทมนัส ไม่เสียใจ เพราะว่าทราบได้เลยจากคำถามว่า เป็นอารมณ์ที่ไม่พึงปรารถนา แต่ว่าปรารถนาอารมณ์อื่น เพราะฉะนั้นก็มีตัณหาความต้องการ ที่จะให้พ้นจากอารมณ์นั้น

…ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ผู้มาใหม่
วันที่ 12 ส.ค. 2564

กราบขอบพระคุณทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ส.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ