พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๗. นามสิทธิชาดก ว่าด้วยชื่อไม่เป็นของสําคัญ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  16 ส.ค. 2564
หมายเลข  35480
อ่าน  463

[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 370

๗. นามสิทธิชาดก

ว่าด้วยชื่อไม่เป็นของสําคัญ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 56]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 370

๗. นามสิทธิชาดก

ว่าด้วยชื่อไม่เป็นของสำคัญ

[๙๗] "เพราะเห็นคนชื่อชีวกะตาย นางธนปาลีตกยาก นายปันถกะหลงทางในป่า เจ้าปาปกะจึงกลับมา".

จบ นามลิทธิชาดกที่ ๗

อรรถกถานามสิทธิชาดกที่ ๗

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้หวังความสำเร็จโดยชื่อรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า "ชีวกญฺจ มตํ ทิสฺวา" ดังนี้.

ได้ยินว่า กุลบุตรผู้หนึ่ง โดยนามชื่อว่า ปาปกะ บวชถวายชีวิตในพระศาสนา เมื่อถูกพวกภิกษุเรียกว่า มาเถิด อาวุโสปาปกะ หยุดเถิด อาวุโสปาปกะ ก็คิดว่า ในโลกผู้ที่มีชื่อว่า ปาปกะ เขากล่าวกันว่าลามก เป็นตัวกาฬกรรณี เราต้องให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์หาชื่อที่ประกอบไปด้วยมงคลอย่างอื่น เธอเข้าไปหาอุปัชฌาย์อาจารย์กราบเรียนว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชื่อของผมเป็นอัปมงคล กรุณาตั้งชื่ออย่างอื่นให้กระผมเถิด ครั้งนั้น อาจารย์และอุปัชฌาย์ก็กล่าวกะเธออย่างนี้

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 371

ว่า ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ขึ้นชื่อว่าความสำเร็จ ประโยชน์ไรๆ มิได้มีเพราะชื่อเลย เธอจงพอใจชื่อของตนนั้นเถิด เธอคงยังอ้อนวอนอยู่ร่ำไป ความที่เธอมุ่งความสำเร็จโดยชื่อนี้ เกิดแพร่หลายกระจายไปในสงฆ์ อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกันในธรรมสภา ตั้งเรื่องสนทนากันว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ได้ยินว่า ภิกษุโน้นมุ่งความสำเร็จโดยชื่อ ขอให้ช่วยหาชื่อที่เป็นมงคลให้ พระบรมศาสดาเสด็จมาสู่ธรรมสภา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน เธอก็มุ่งความสำเร็จเพราะชื่อเหมือนกัน แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้.

ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ บอกมนต์กะมาณพ ๕๐๐ ในพระนครตักกสิลา มาณพผู้หนึ่งของท่านชื่อ ปาปกะ โดยนาม ถูกเขาเรียกอยู่ว่า มาเถิด ปาปกะ ไปเถิด ปาปกะ คิดว่าชื่อของเราเป็นอัปมงคล ต้องขอให้อาจารย์ตั้งชื่ออื่นให้ใหม่ เขาไปหาอาจารย์เรียนว่า ท่านอาจารย์ขอรับ ชื่อของกระผมเป็นอัปมงคล โปรดตั้งชื่ออย่างอื่นให้เถิดขอรับ ครั้งนั้นอาจารย์ได้กล่าวกะเขาว่า ไปเถิดพ่อ เจ้าจงเที่ยวไปตามชนบทแล้ว กำหนดเอาชื่อที่เป็นมงคลชื่อหนึ่ง ที่ตนชอบใจอย่างยิ่งแล้วมา เราจักเปลี่ยนชื่อของเจ้าเป็นชื่อ

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 372

อย่างอื่น เขารับคำว่า ดีแล้ว ขอรับ ถือเอาเสบียงออกเดินทางไป ท่องเที่ยวไปตามคามนิคมชนบทลุถึงนครแห่งหนึ่ง ในพระนครนั้นแหละ มีบุรุษผู้หนึ่งชื่อว่า ชีวกะ (บุญรอด) โดยนาม ตายลง เห็นหมู่ญาติกำลังหามเขาไปสู่ป่าช้า จึงถามว่า ชายผู้นี้ชื่ออะไร หมู่ญาติตอบว่า จะชื่อว่า ชีวกะ (บุญรอด) ก็ดี อชีวก (ไม่รอด) ก็ดี ก็ตายทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน เจ้านี่เห็นจะโง่กระมัง เขาฟังคำนั้นแล้ว มีความรู้สึกเฉยๆ ในเรื่องชื่อ เดินทางกลับเข้าเมืองของตน ครั้งนั้น พวกนายทุนกำลังจับนางทาสีผู้หนึ่ง ซึ่งไม่ให้ดอกเบี้ยให้นั่งที่ประตู เฆี่ยนด้วยเชือก และนางทาสีผู้นั้นก็มีชื่อว่า ธนปาลี (คนมีทรัพย์) เขาเดินเรื่อยไปตามท้องถนน เห็นนางถูกเฆี่ยน ก็บอกว่า มันไม่ยอมให้ดอกเบี้ย เขาถามว่า ก็นางมีชื่ออย่างไรเล่า พวกนายทุนตอบว่า นางชื่อธนปาลี (คนมีทรัพย์) เขาถามว่า แม้จะมีชื่อธนปาลี โดยนาม ก็ยังไม่อาจให้เงินแค่ดอกเบี้ยหรือ พวกนายทุนตอบว่า จะชื่อธนปาลี คนรวยก็ดี จะชื่ออธนปาลี คนจนก็ดี เป็นคนเข็ญใจได้ทั้งนั้น ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน เจ้านี่เห็นจะโง่แน่ เขายิ่งรู้สึกเฉยๆ ในเรื่องชื่อยิ่งขึ้น เดินออกจากเมืองไปตามทาง ในระหว่างทางพบคนหลงทาง ถามว่า ผู้เป็นเจ้าเที่ยวทำอะไรอยู่เล่า เขาตอบว่า ข้าพเจ้าหลงทางเสียแล้ว เขาย้อนถามว่า ก็คุณชื่อไรเล่า เขาตอบว่า ข้าพเจ้าชื่อ ปันถก (ผู้เจนทาง) เขาถามว่า ขนาดชื่อปันถกะ ยังหลงทางอีกหรือ คนหลงทาง

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 373

กล่าวว่า จะชื่อปันถกะ (ชำนาญทาง) หรือชื่ออปันถกะ (ไม่ชำนาญทาง) ก็มีโอกาสหลงทางได้เท่ากัน ชื่อเป็นบัญญัติสำหรับเรียกกัน ก็ท่านเองเห็นจะโง่แน่ เขาเลยวางเฉยในเรื่องชื่อ ไปสู่สำนักของพระโพธิสัตว์ ครั้นพระโพธิสัตว์ถามว่า อย่างไรเล่า พ่อคุณ เจ้าได้ชื่อที่ถูกใจมาแล้วหรือ ก็เรียนท่านว่า ท่านอาจารย์ขอรับ ธรรมดาคนเราถึงจะชื่อว่าชีวก แม้จะชื่ออชีวก คงตายเท่ากัน ถึงจะชื่อธนปาลี แม้จะชื่ออธนปาลี ก็เป็นทุคคตะได้ทั้งนั้น ถึงจะชื่อปันถกะ แม้จะชื่ออปันถกะ ก็หลงทางได้เหมือนกัน ชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกัน ความสำเร็จเพราะชื่อมิได้มีเลย ความสำเร็จมีได้เพราะการกระทำเท่านั้น พอกันทีเรื่องชื่อสำหรับกระผม กระผมขอใช้ชื่อเดิมนั่นแหละต่อไป พระโพธิสัตว์เทียบเคียงเรื่องที่เขาเห็นและกรรมที่เขากระทำแล้ว กล่าวคาถานี้ ความว่า.

"เพราะเห็นคนชื่อชีวกะตาย นางธนปาลีตกยาก นายปันถกะหลงทางในป่า เจ้าปาปกะจึงกลับมา" ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุนราคโต ความว่า เพราะเห็นเหตุ ๓ อย่างเหล่านี้ จึงหวนกลับมา อักษร ท่านกล่าวไว้ด้วยอำนาจแห่งสนธิ.

พระบรมศาสดาทรงนำอดีตนิทานนี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในปางก่อน เธอ

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 10 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 374

ก็มุ่งความสำเร็จ เพราะชื่อมาแล้วเหมือนกัน แล้วทรงประชุมชาดกว่า มาณพผู้มุ่งความสำเร็จเพราะชื่อในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุผู้มุ่งความสำเร็จเพราะชื่อในบัดนี้ บริษัทของอาจารย์ ได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนอาจารย์ ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ อรรถกถานามสิทธชาดกที่ ๗