๔. มิตตวินทชาดก โทษของผู้ลุอํานาจความปรารถนา
[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 399
๔. มิตตวินทชาดก
โทษของผู้ลุอํานาจความปรารถนา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 56]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 399
๔. มิตตวินทชาดก
โทษของผู้ลุอำนาจความปรารถนา
[๑๐๔] "ผู้ที่มีความปราถนาเกินส่วน มีอยู่ ๔ ก็ต้องการ ๘ มี ๘ ก็ต้องการ ๑๖ มี ๑๖ ก็ต้องการ ๓๒ บัดนี้มาได้รับกงจักรกรด กงจักรกรดพัดอยู่เหนือศีรษะของคนผู้ลุอำนาจความปราถนา".
จบ มิตตวินทชาดกที่ ๔
อรรถกถามิตตวินทชาดกที่ ๔
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้ว่ายากรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า "จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา" ดังนี้.
เรื่องราวพึงให้พิสดารตามนัยที่กล่าวแล้วในมิตตวินทชาดกในหนหลัง ส่วนชาดกนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดในกาลแห่งพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า กัสสปะ ก็ในกาลครั้งนั้น เนรยิกสัตว์ตนหนึ่งทูลจักรกรดไว้ไหม้อยู่ในนรก ถามพระโพธิสัตว์ว่า ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้กระทำบาปกรรมอะไรไว้เล่าหนอ พระโพธิสัตว์กล่าวว่า เจ้าได้กระทำบาปกรรมนี้ๆ แล้วกล่าวคาถา ความว่า.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 400
"ผู้ที่มีความปรารถนาเกินส่วน มีอยู่ ๔ ก็ต้องการ ๘ มี ๘ ก็ต้องการ ๑๖ มี ๑๖ ก็ต้องการ ๓๒ บัดนี้มาได้รับกงจักรกรด กรงจักรกรดพัดอยู่เหนือศีรษะของคนผู้ลุอำนาจความปรารถนา" ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา ความว่า เจ้าได้เวมานิกเปรต ๔ นางในระหว่างสมุทร ยังไม่พอใจด้วยนางเหล่านั้น จึงเดินมุ่งต่อไปข้างหน้า ด้วยปรารถนาเกินส่วน ได้ครอบครองนางทั้ง ๘ อีก แม้ในบททั้งสองที่เหลือก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
บทว่า อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท ความว่า เจ้าไม่พอใจด้วยลาภของตนอย่างนี้ ยังปรารถนาเกินส่วน คือต้องการต่อไปไม่รู้หยุด มุ่งลาภข้างหน้าต่อไป คราวนี้จึงมาโดนจักรกรด คือถึงจักรกรดนี้ เจ้านั้นอันความปรารถนากำจัดเสียแล้ว คือถูกตัณหาความทะยานอยากกำจัด คือเข้าไปตัดรอนเสียแล้ว จักรกรดจึงพัดผันบนหัวเจ้า ในจักรทั้งสอง คือจักรหินและจักรเหล็ก พระโพธิสัตว์เห็นจักรเหล็กคมปานมีดโกน พัดผันอยู่บนหัวของเขาด้วยสามารถแห่งการพัดหมุนเวียนต่อเนื่องกันไป จึงกล่าวอย่างนี้.
ก็และครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็กลับไปสู่เทวโลกของตน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 401
แม้เนรยิกสัตว์นั้น เมื่อบาปของตนสิ้นแล้ว ก็ไปตามยถากรรม.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า มิตตวินทกะในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุผู้ว่ายาก ส่วนเทวบุตร ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามิตตวินทชาดกที่ ๔