๗. ติตติรชาดก ว่าด้วยตายเพราะปาก
[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 442
๗. ติตติรชาดก
ว่าด้วยตายเพราะปาก
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 56]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 442
๗. ติตติรชาดก
ว่าด้วยตายเพราะปาก
[๑๑๗] "วาจาที่ดังเกินไป ความเป็นผู้รุนแรงเกินไป พูดล่วงเวลา ย่อมฆ่าผู้มีปัญญาทรามเสีย ดุจวาจาฆ่านกกระทา ผู้ขันดังเกินไป ฉะนั้น".
จบ ติตติรชาดกที่ ๗
อรรถกถาติตติรชาดกที่ ๗
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุชื่อ โกกาลิกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า "อจฺจุคฺคตา อติพลตา" ดังนี้ เรื่องของโกกาลิกภิกษุนั้น จักแจ่มแจ้งในตักการิยชาดก เตรสกนิบาต.
แต่ในชาดกนี้ พระศาสดาทรงรับสั่งว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่บัดนี้เท่านั้นที่โกกาลิกะอาศัยวาจาของตน ต้องพินาศ แม้ในครั้งก่อนก็เคยพินาศมาแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์ เจริญวัย เรียนศิลปะทุกอย่างในเมืองตักกสิลา ละกาม
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 443
ทั้งหลายเสียแล้วบวชเป็นฤาษี ทำอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ให้เกิดแล้ว คณะฤาษีทั้งปวงประชุมกันในหิมวันตประเทศ ตั้งให้ท่านเป็นอาจารย์ผู้ให้โอวาท ยอมตนเป็นบริวาร ท่านได้เป็นอาจารย์ผู้ให้โอวาทของฤาษี ๕๐๐ เล่นอยู่ด้วยฌานกรีฑาอยู่ในป่าหิมพานต์ ครั้งนั้น ดาบสผู้หนึ่งเป็นโรคผอมเหลืองถือพร้าไปผ่าไม้ ครั้งนั้นดาบสปากกล้าผู้หนึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ดาบสผอมนั้น พูดว่า จงฟันในที่นี้ จงฟันในที่นี้ ทำให้ดาบสผอมนั้นขัดเคือง เธอโกรธแล้ว กล่าวว่า เดี๋ยวนี้ ท่านไม่ใช่อาจารย์ฝึกหัดศิลปะในการผ่าฟืนของเรานะ แล้วเงื้อพร้าอันคม ฟันทีเดียวเท่านั้น ทำให้ดาบสปากกล้าถึงสิ้นชีวิต พระโพธิสัตว์ให้กระทำสรีรกิจแก่เธอแล้ว ในครั้งนั้น ที่เชิงจอมปลวกแห่งหนึ่ง ไม่ไกลอาศรมบท นกกระทาตัวหนึ่งอาศัยอยู่ ทุกเช้าทุกเย็นมันยืนอยู่บนยอดจอมปลวก ขันเสียงดังลั่น ฟังเสียงนั้นแล้ว พรานผู้หนึ่งคิดว่า น่าจะมีนกกระทา จึงสะกดไปด้วยหมายเสียงเป็นสำคัญ ฆ่ามันแล้วถือเอาไป พระโพธิสัตว์ไม่ได้ยินเสียงมัน ถามพวกดาบสว่า ที่ตรงโน้น มีนกกระทาอาศัยอยู่ เพราะเหตุไรเล่าหนอ จึงไม่ได้ยินเสียงมัน พวกดาบสบอกเรื่องนั้นแก่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เทียบเคียงเหตุการณ์ทั้งสองอย่างแม้เหล่านั้นแล้ว กล่าวคาถานี้ในท่ามกลางหมู่ฤๅษี ความว่า.
"วาจาที่ดังเกินไป ความเป็นผู้รุนแรงเกินไป พูดล่วงเวลา ย่อมฆ่าผู้มีปัญญาทรามเสีย ดุจวาจาที่ฆ่านกกระทา ผู้ขันดังเกินไป ฉะนั้น" ดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้า 444
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อจฺจุคฺคตา แปลว่า วาจาที่สูงเกินไป.
บทว่า อติพลตา ได้แก่ วาจาที่รุนแรงเกินไป เพราะกล่าวซ้ำๆ ซากๆ.
บทว่า อติเวลํ ปภาสิตา ได้แก่ วาจาที่ล่วงเวลา คือคำพูดที่กล่าวเกินประมาณ.
บทว่า ติตฺติรํวาติวสฺสิตํ ความว่า เสียงขันที่ดังเกินไป ย่อมกำจัดนกกระทาเสียฉันใด วาจาเห็นปานนี้ ย่อมกำจัดคนโง่ๆ คือคนพาลเสียฉันนั้น.
พระโพธิสัตว์ให้โอวาทแก่หมู่ฤาษีด้วยประการฉะนี้ เจริญพรหมวิหาร ๔ ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่โกกาลิกภิกษุอาศัยคำพูดของตนฉิบหายแล้ว แม้ในครั้งก่อนก็เคยฉิบหายแล้วเหมือนกัน ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ดาบสว่ายากในครั้งนั้น ได้มาเป็นโกกาลิกภิกษุ คณะฤๅษี ได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนศาสดาแห่งคณะ ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาติตติรชาดกที่ ๗