๒. ทัททรชาดก ราชสีห์กับสุนัขจิ้งจอก
[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 130
๒. ทัททรชาดก
ราชสีห์กับสุนัขจิ้งจอก
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 130
๒. ทัททรชาดก
ราชสีห์กับสุนัขจิ้งจอก
[๑๙๓] ข้าแต่คุณพ่อผู้เป็นใหญ่ในมฤคชาติทั้งหลาย ใครหนอมีเสียงดังลั่น ย่อมทำให้ทัททรบรรพตให้บรรลือสนั่นยิ่งนัก ราชสีห์ทั้งหลาย ย่อมไม่อาจบรรลือโต้ตอบมันได้ นั่นเรียกว่า สัตว์อะไร.
[๑๙๔] ลูกเอ๋ย นั่นคือสุนัขจิ้งจอก เป็นสัตว์เลวทรามต่ำช้ากว่ามฤคชาติทั้งหลาย มันหอนอยู่ ราชสีห์ทั้งหลายรังเกียจชาติของมัน จึงได้พากันนิ่งเฉยเสีย.
จบ ทัททรชาดกที่ ๒
อรรถกถาทัททรชาดกที่ ๒
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันทรงปรารภพระโกกาลิกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า โก นุ สทฺเทน มหตา ดังนี้.
ความพิสดารมีอยู่ว่าในกาลนั้นพวกภิกษุพหูสูต นั่งอยู่ ณ พื้นหินอ่อนสีแดง สวดบทภาณวารในท่ามกลางสงฆ์เหมือนราชสีห์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 131
หนุ่มบรรลือสีหนาท เหมือนเทวดาบรรดาลให้น้ำคงคาในอากาศให้ตกลง. เมื่อภิกษุเหล่านั้นกล่าวบทภาณวาร พระโกกาลิกะไม่รู้ความโง่ของตน อวดภูมิว่าเราจักกล่าวบทภาณวารบ้าง จึงเข้าไปในระหว่างภิกษุทั้งหลาย เที่ยวประกาศในที่นั้นๆ อ้างภิกษุสงฆ์ว่า พวกภิกษุไม่ให้โอกาสเรากล่าวบทภาณวารบ้าง หากให้โอกาส แก่เรา เราก็จักกล่าวบ้าง. คำพูดของพระโกกาลิกะได้ปรากฏในหมู่ภิกษุ. พวกภิกษุคิดว่า จักทดลองพระโกกาลิกะดูก่อน จึงกล่าวว่า ดูก่อน อาวุโสโกกาลิกะ วันนี้ท่านจงกล่าวบทภาณวารแก่สงฆ์เถิด. พระโกกาลิกะไม่รู้ความสามารถของตน จึงรับว่า ตกลง จึงฉันข้าวยาคูเคี้ยวของเคี้ยวอันเป็นที่สบายของตน บริโภคกับสูปะอันอร่อย. ครั้นพระอาทิตย์ตก เขาประกาศเวลาฟังธรรม หมู่ภิกษุประชุมกัน. พระโกกาลิกะนุ่งผ้ากาสาวะมีสีเหมือนโคลน ห่มจีวรมีสีเหมือนดอกกรรณิการ์เข้าไปยังท่ามกลางสงฆ์ ไหว้พระเถระ ขึ้นสู่ธรรมาสน์ที่ประดับไว้อย่างดีในมณฑลแก้วที่ตกแต่งไว้ นั่งจับพัดวีชนีด้วยคิดว่า เราจักกล่าวบทภาณวาร. ทันใดนั่นเองเหงื่อก็ไหลจากร่างกายของพระโกกาลิกะ ความขลาดกลัวเข้าครอบงำ. ครั้นกล่าวบทต้นของคาถาแรกแล้ว ก็ไม่เห็นบทเบื้องปลาย. พระโกกาลิกะงกงันลงจากธรรมาสน์กระดากอาย ได้ออกไปจากท่ามกลางสงฆ์กลับที่อยู่ของตน. ภิกษุพหูสูตรูปอื่นจึงได้กล่าวบทภาณวารต่อไป. ตั้งแต่นั้นภิกษุทั้งหลายจึงรู้ว่าพระโกกาลิกะโง่.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 132
อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า อาวุโสทั้งหลาย ความโง่ของพระโกกาลิกะในชั้นแรกรู้ได้ยาก แต่บัดนี้ได้ปรากฏชัดขึ้นมาแล้ว. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โกกาลิกะได้เผยความโง่ให้ปรากฏแล้ว มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็ได้เผยให้ปรากฏมาแล้ว ทรงนําเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดราชสีห์ ณ หิมวันตประเทศ ได้เป็นราชาของราชสีห์มากมาย. พญาราชสีห์นั้นมีราชสีห์เป็นบริวารอยู่ไม่น้อย อาศัยอยู่ ณ ถ้ำเงิน. แม้สุนัขจิ้งจอกก็อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากถ้ำนั้น. อยู่มาวันหนึ่ง ฝนตกขาดเม็ดแล้ว พวกราชสีห์ทั้งหมดก็พากันมาประชุมที่ประตูถ้ำของพญาราชสีห์ ต่างบรรลือสีหนาทเล่นหัวกัน. ในขณะที่ราชสีห์เหล่านั้นบรรลือสีหนาทเล่นหัวกันอยู่อย่างนี้ สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นก็หอนขึ้น. พวกราชสีห์ได้ยินเสียงสุนัขจิ้งจอกนั้นก็กระดากใจ พากันนิ่งด้วยคิดว่า เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้หอนแข่งกับพวกเรา. ในขณะที่ราชสีห์เหล่านั้นนิ่ง ราชสีห์น้อยลูกพญาราชสีห์โพธิสัตว์ เมื่อจะถามบิดาว่า พ่อจ๋าพวกราชสีห์เหล่านี้บรรลือสีหนาทเล่นหัวกัน ครั้นได้ยินเสียงของสัตว์นั้นพากันนิ่ง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 133
ด้วยความอาย สัตว์นั้นชื่ออะไร อวดอ้างตนด้วยเสียงของตน ได้กล่าวคาถาแรกว่า :-
ข้าแต่พ่อผู้เป็นใหญ่ในมฤค ใครหนอมีเสียงดังลั่น ทำทัททรบรรพตให้บรรลือลั่นยิ่งนัก ราชสีห์ทั้งหลายไม่อาจบรรลือโต้ตอบมัน นั่นเรียกว่าสัตว์อะไรหนอ.
ในบทเหล่านั้นบทว่า อภินาเทติ ททฺทรํ ความว่า ใครหนอทำทัททรบรรพตให้มีเสียงกึกก้องเป็นอันเดียว. ลูกราชสีห์เรียกบิดาว่า มิคาภิภู. ในบทว่า มิคาภิภู นี้ มีอธิบายว่า ข้าแต่พญาราชสีห์ผู้เป็นจอมมฤค ข้าพเจ้าขอถามท่าน สัตว์นั้นชื่ออะไร.
ครั้นบิดาฟังคำของลูกราชสีห์แล้ว จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ลูกเอ๋ย นั่นคือสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เลวทรามต่ำช้ากว่ามฤคชาติทั้งหลาย มันหอนอยู่ ราชสีห์ทั้งหลายรังเกียจชาติของมัน จึงได้พากันนิ่งเฉยเสีย.
ในบทเหล่านั้นบทว่า สํ ในบทว่า สมจฺฉเร เป็นเพียงอุปสรรค. เอาความว่า อยู่เฉย. ท่านอธิบายไว้ว่า ราชสีห์ทั้งหลายนิ่งเฉย คืออยู่เฉย. ในคัมภีร์ทั้งหลาย เกจิอาจารย์เขียนว่า สมจฺฉเร.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 134
พระศาสดาครั้นตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โกกาลิกะมิได้เปิดเผยตนเองในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็ได้เปิดเผยแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา ทรงประชุมชาดก. สุนัขจิ้งจอกในครั้งนั้นได้เป็นพระโกกาลิกะในครั้งนี้. ส่วนลูกราชสีห์ได้เป็นราหุล. พญาราชสีห์ คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาทัททรชาดกที่ ๒