๕. อาทิจจุปัฏฐานชาดก ว่าด้วยลิงไหว้พระอาทิตย์
[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 143
๕. อาทิจจุปัฏฐานชาดก
ว่าด้วยลิงไหว้พระอาทิตย์
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 143
๕. อาทิจจุปัฏฐานชาดก
ว่าด้วยลิงไหว้พระอาทิตย์
[๑๙๙] ได้ยินว่า ในบรรดาสัตว์ทั้งปวง สัตว์ผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลมีอยู่ ท่านจงดูลิงผู้ลามกยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่เถิด.
[๒๐๐] ท่านทั้งหลายไม่รู้จักปกติของมัน เพราะเหตุไม่รู้จึงได้พากันสรรเสริญ ลิงตัวนี้มันเผาโรงไฟเสีย และทุบต่อยคนโทน้ำเสียสองใบ.
จบ อาทิจจุปัฏฐานชาดกที่ ๕
อรรถกถาอาทิจจุปัฏฐานชาดกที่ ๕
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภภิกษุหลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคำเริ่มต้นว่า สพฺเพสุ กิร ภูเตสุ ดังนี้.
เรื่องราวเหมือนกับที่กล่าวแล้วในหนหลัง.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี. พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัยศึกษาศิลปะในเมืองตักศิลา บวชเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด มีบริวารมาก เป็นครูประจำคณะ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 144
อาศัยอยู่ป่าหิมพานต์. พระโพธิสัตว์อยู่ในป่าหิมพานต์นั้นเป็นเวลานาน จึงลงจากภูเขาเพื่อเสพของเค็มและของเปรี้ยว อาศัยบ้านหนึ่งในชายแดนพักอยู่ที่บรรณศาลา. ขณะนั้นมีลิงโลนตัวหนึ่ง เมื่อคณะฤาษีไปภิกขาจารจึงมายังอาศรมบท ถอนหญ้าที่บรรณศาลา เทน้ำในหม้อน้ำทิ้ง ทุบคนโทน้ำ ถ่ายคูถไว้ที่โรงไฟ. ดาบสทั้งหลายอยู่จำพรรษาแล้ว ดำริว่า บัดนี้ป่าหิมพานต์บริบูรณ์ด้วยดอกไม้และผลไม้น่ารื่นรมย์ เราจะไป ณ ที่นั้น จึงบอกลาชาวบ้านชายแดน. พวกมนุษย์กล่าวว่า พระคุณเจ้าวันพรุ่งนี้พวกข้าพเจ้าจะนำภิกษามายังอาศรมบท พระคุณเจ้าฉันอาหารแล้วจึงค่อยไป ในวันที่สองต่างก็นำของเคี้ยวของฉันเป็นอันมากไป ณ ที่นั้นอีก. ลิงโลนเห็นดังนั้นจึงคิดว่า เราจักลวงให้มนุษย์เลื่อมใสให้นำของเคี้ยวของบริโภคมาให้เรา. ลิงจึงทำเป็นเหมือนบำเพ็ญตบะและเหมือนจำศีล ยืนนอบน้อมพระอาทิตย์ในที่ไม่ห่างจากดาบส. พวกมนุษย์เห็นดังนั้นจึงพากันกล่าวว่า ผู้อยู่ใกล้ผู้มีศีล ย่อมเป็นผู้มีศีล แล้วกล่าวคาถาแรกว่า :-
ในบรรดาสัตว์ทั้งปวง สัตว์ผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลมีอยู่ ท่านจงดูลิงผู้ลามก ยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่เถิด.
ในบทเหล่านั้น บทว่า สนฺติ สีลสมาหิตา ได้แก่ ผู้มีจิตตั้งมั่น คือประกอบด้วยศีลมีอยู่ อธิบายว่า ผู้มีศีลและผู้มีจิต
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 145
ตั้งมั่น มีอารมณ์เดียวมีอยู่. บทว่า ชมฺมํ คือลามก. บทว่า อาทิจฺจมุปติฏฺติ ความว่า ลิงยืนไหว้พระอาทิตย์อยู่.
พระโพธิสัตว์เห็นพวกมนุษย์เหล่านั้น สรรเสริญคุณของลิงนั้นจึงกล่าวว่า พวกท่านไม่รู้ศีลและมารยาทของลิงโลนตัวนี้ แล้วเลื่อมใสในสิ่งไม่เป็นเรื่องเป็นราว จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ท่านทั้งหลายไม่รู้จักปกติของมัน เพราะไม่รู้จัก พากันสรรเสริญลิงตัวนี้ มันเผาโรงไฟเสีย และทุบต่อยคนโทน้ำเสียสองใบ.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อนญฺาย แปลว่า ไม่รู้. บทว่า อูหนํ ได้แก่การก่อเหตุที่ลิงชั่วนี้กระทำ. บทว่า กมณฺฑลู ได้แก่ คนโทน้ำ. พระโพธิสัตว์กล่าวโทษลิงอย่างนี้ว่า มันทุบคนโทน้ำเสียสองใบ.
พวกมนุษย์ครั้นรู้ว่า เป็นลิงหลอกลวงจึงคว้าก้อนดินและไม้ขว้างไล่ให้มันหนีไป แล้วถวายภิกษาแก่หมู่ฤๅษี. แม้ฤาษี ทั้งหลายก็พากันไปป่าหิมพานต์ ทำฌานไม่ให้เสื่อม ได้พรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดก. ลิงในครั้งนั้นได้เป็นภิกษุลวงโลกนี้ หมู่ฤๅษีได้เป็นพุทธบริษัท ส่วนครูประจำคณะ คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถาอาทิจจุปัฏฐานชาดกที่ ๕