๙. กักกรชาดก ว่าด้วยผู้ฉลาดเอาตัวรอดได้
[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 314
๙. กักกรชาดก
ว่าด้วยผู้ฉลาดเอาตัวรอดได้
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 314
๙. กักกรชาดก
ว่าด้วยผู้ฉลาดเอาตัวรอดได้
[๒๖๗] ต้นหูกวางและสมอพิเภกทั้งหลายในป่า เราเคยเห็นแล้วต้นไม้เหล่านั้น ย่อมเดินไปเหมือนกับท่านไม่ได้.
[๒๖๘] ไก่ตัวเก่าที่แหกกรงหนีมานี้ เป็นไก่ฉลาดในบ่วงขนสัตว์ ย่อมหลีกไปและยังขันเย้ยเสียด้วย.
จบ กักกรชาดกที่ ๙
อรรถกถากักกรชาดกที่ ๙
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุหนุ่มผู้เป็นสัทธิวิหาริกของพระธรรมเสนาบดี สารีบุตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ทิฏฺา มยา วเน รุกฺขา ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุหนุ่มรูปนั้น เป็นผู้ฉลาดในการรักษาร่างกายของตน. ไม่ฉันของเย็นจัด ร้อนจัด เพราะเกรงว่าร่างกายจะไม่สบาย ไม่ออกไปข้างนอก เพราะเกรงว่าร่างกายจะกระทบหนาวและร้อน ไม่ฉันจังหันที่แฉะและเป็นท้องเล็น. เพราะภิกษุ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 315
หนุ่มนั้นเป็นผู้ฉลาดในการรักษาร่างกาย จึงปรากฏไปในท่ามกลางสงฆ์. ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันว่า อาวุโสทั้งหลายได้ยินว่า ภิกษุหนุ่มรูปนั้นเป็นผู้ฉลาด ในการรักษาร่างกายเป็นอย่างดี. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ภิกษุหนุ่มรูปนี้ มิใช่ฉลาดในการรักษาร่างกายในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนเธอก็เป็นผู้ฉลาดเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นรุกขเทวดาอยู่ในราวป่าใหญ่. ครั้งนั้นมีพรานนกคนหนึ่ง อุ้มไก่ต่อตัวหนึ่ง ถือบ่วงและแร้วเที่ยวดักไก่ในป่าอยู่ เริ่มจะดักไก่ตัวหนึ่งซึ่งเป็นไก่ของตนมาก่อน หนีเข้าป่าไป. ไก่ตัวนั้นเพราะเข้าใจในบ่วงจึงไม่ยอมเข้าติดบ่วง ถอยหนีไปเรื่อยๆ. นายพรานจึงเอากิ่งไม้และใบไม้คลุมกำบังตนไว้ เลื่อนคันแร้วและบ่วงตามไปเรื่อยๆ. ฝ่ายไก่อยากจะให้นายพรานละอายใจ จึงพูดเป็นภาษามนุษย์ กล่าวคาถาแรกว่า :-
ต้นหูกวาง และสมอพิเภกทั้งหลายในป่า เราเคยเห็นแล้ว ต้นไม้เหล่านั้นย่อมเดินไปเหมือนกับท่านไม่ได้.
คาถานั้นมีอธิบายว่า ดูก่อนสหายพราน เราเคยเห็นต้นหูกวาง และสมอพิเภกเป็นอันมากเกิดในป่านี้ ต้นไม้เหล่านั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 316
ไม่เคลื่อน ไม่ก้าว ไม่เดินเหมือนท่านก้าวเคลื่อนเดินไปทางโน้นทางนี้ได้ฉะนั้น.
ก็และครั้นไก่นั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงได้หนีไปเสียที่อื่น. ในเวลาที่ไก่หนีไป นายพรานจึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ไก่ตัวเก่าที่แหกกรงหนีมาได้นี้ เป็นไก่ฉลาดในบ่วงขนสัตว์ ย่อมหลีกไปและยังขันเย้ยเสียด้วย.
ในบทเหล่านั้น บทว่า กุสโล วาลปาสานํ ความว่า ไก่ฉลาดในบ่วงขนสัตว์ ไม่ให้จับตัวได้ย่อมหนีไป และยังขันเย้ยเสียด้วย ครั้นขันเย้ยแล้วไก่ก็หนีไป.
ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว พรานก็เที่ยวไปในป่าจับไก่ตามที่ดักได้กลับเรือน.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก. พรานในครั้งนั้นได้เป็นเทวทัตในครั้งนี้. ไก่ได้เป็นภิกษุหนุ่มผู้ฉลาดในการรักษาร่างกาย ส่วนรุกขเทวดาผู้เห็นเหตุการณ์อย่างประจักษ์ คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถากักกรชาดกที่ ๙