๒. อุจฉิฏฐภัตตชาดก นางพราหมณีหาชายชู้
[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 326
๒. อุจฉิฏฐภัตตชาดก
นางพราหมณีหาชายชู้
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 326
๒. อุจฉิฏฐภัตตชาดก
นางพราหมณีหาชายชู้
[๒๗๓] อาการข้าวข้างบนเป็นอย่างหนึ่ง อาการข้าวข้างล่างเป็นอย่างหนึ่ง ดูก่อนนางพราหมณี ฉันขอถามท่านหน่อยเถิด เหตุไรข้าวข้างล่างจึงเย็น ข้างบนจึงร้อนนิดหน่อย.
[๒๗๔] ดูก่อนท่านผู้เจริญ ฉันเป็นคนฟ้อนรำ เที่ยวขอมาจนถึงที่นี่ ก็ชายชู้ของนางพราหมณีนี้ ลงไปซ่อนอยู่ในยุ้ง ท่านเสาะหาผู้ใด ผู้นั้นคือชายชู้ผู้นี้เอง
จบ อรรถกถาอุจฉิฏฐภัตตชาดกที่ ๒
อรรถกถาอุจฉิฏฐภัตตชาดกที่ ๒
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการเล้าโลมของภรรยาเก่า ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อญฺโ อุปริโม วณฺโณ ดังนี้.
ความย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอกระสันจริงหรือ ภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามว่า ใครทำให้เธอกระสัน กราบทูลว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 327
ภรรยาเก่าพระเจ้าข้า. ลำดับนั้นพระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้เป็นผู้ทำความเสื่อมเสียให้เธอ แม้ในครั้งก่อน ได้ให้เธอบริโภคอาหารเหลือเดนของชายชู้ตน แล้วทรงนำเรื่อง อดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลคนฟ้อนรำที่ยากจน เที่ยวขอภิกษาเขาเลี้ยงชีพตระกูลหนึ่ง ครั้นเติบใหญ่ เป็นคนเข็ญใจ รูปชั่วเที่ยวขอภิกษาเลี้ยงชีพ. ในครั้งนั้น พราหมณีของพราหมณ์คนหนึ่งในหมู่บ้านแคว้นกาสี เป็นหญิงทุศีล ลามก ประพฤตินอกใจผัว.
อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพราหมณ์ไปทำธุระนอกบ้าน ชายชู้ของพราหมณีเห็นได้โอกาสจึงเข้าไปเรือนนั้น. นางประพฤตินอกใจร่วมกับชายชู้แล้วกล่าวว่า เชิญบริโภคอาหารสักครู่หนึ่งจึงค่อยกลับไป จัดแจงหาอาหารคดข้าวร้อนๆ พร้อมด้วยแกงและกับ ให้ชายชู้นั้น กล่าวเชิญให้บริโภค นางเองยืนที่ประตู คอยดูพราหมณ์กลับมา. พระโพธิสัตว์ยืนคอยขอก้อนข้าวอยู่ในที่ชายชู้ของพราหมณ์บริโภค. ขณะนั้นพราหมณ์เดินตรงมาบ้าน. พราหมณีเห็นพราหมณ์มา จึงรีบเข้าไปบอกว่า ลุกขึ้นเถิด พราหมณ์กำลังมาแล้ว ให้ชายชู้ลงไปในยุ้งข้าว ในเวลาที่พราหมณ์เข้าไปนั่งแล้ว นางจึงเอาแผ่นกระดานไปให้ ให้น้ำล้างมือ คดข้าวร้อนๆ ไว้ข้างบนข้าวเย็นที่เหลือจากชายชู้บริโภค
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 328
ให้พราหมณ์. พราหมณ์เอื้อมมือลงไปในข้าว เห็นข้าวข้างบนร้อน ข้างล่างเย็น จึงคิดว่าข้าวนี้คงเป็นข้าวเหลือเดนจากคนอื่นกิน. พราหมณ์เมื่อจะถามพราหมณี จึงกล่าวคาถาแรกว่า :-
อาการข้าวข้างบนเป็นอย่างหนึ่ง อาการข้าวข้างล่างเป็นอย่างหนึ่ง ดูก่อนพราหมณี ฉันขอถามเจ้าหน่อยเถิด เหตุไรข้าวข้างล่างจึงเย็น ข้างบนจึงร้อนนิดหน่อย.
ในบทเหล่านั้น บทว่า วณฺโณ คืออาการ. เพราะพราหมณ์ เมื่อจะถามความที่ข้าวข้างบนร้อน และข้างล่างเย็น จึงกล่าวอย่างนี้. บทว่า กึ เหฏฺา กิญฺจ อุปริ ความว่า แน่ะนาง ธรรมดาข้าวที่คดข้างบนควรจะเย็น ข้างล่างควรจะร้อน แต่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเหตุนั้นเราจึงถามเจ้าว่า เพราะเหตุไรข้าวข้างบนจึงร้อน ข้างล่างจึงเย็น.
พราหมณีแม้เมื่อพราหมณ์ถามอยู่บ่อยๆ ก็ยังนิ่งเฉย เพราะเกรงว่ากรรมที่ตนทำไว้จะเปิดเผยขึ้น. ในขณะนั้น บุตรคนฟ้อนมีความคิดว่า บุรุษที่ถูกให้นั่งในยุ้งคงจะเป็นชายชู้ บุรุษผู้นี้คงเป็นเจ้าของบ้าน. ส่วนพราหมณีไม่พูดอะไรๆ เพราะเกรงว่ากรรมที่ตนทำจะปรากฏ เอาเถิดเราจะประกาศกรรมของหญิงนี้ จักบอกถึงความที่ชายชู้ถูกซ่อนไว้ในยุ้งแก่พราหมณ์. บุตรคนฟ้อนจึงบอกพฤติกรรมทั้งหมด ตั้งแต่พราหมณ์ ออกจากเรือนไป ชายชู้เข้าไปในเรือน ประพฤติล่วงเกินบริโภค
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 329
อาหารอย่างดี พราหมณียืนคอยดูทางที่ประตู จนถึงชายชู้ถูกให้ลงยุ้ง แล้วกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ดูก่อนท่านผู้เจริญ ฉันเป็นคนฟ้อนรำ เที่ยวขอมาจนถึงที่นี่ ก็ชายชู้ของพราหมณีนี้ ลงไปซ่อนอยู่ในยุ้ง ท่านเสาะหาผู้ใด ผู้นั้นคือ ชายชู้ผู้นี้เอง.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อหํ นโฏสฺมิ ภทฺทนฺเต ความว่า นาย ข้าพเจ้าเป็นนักฟ้อนเป็นคนกำพร้า. บทว่า ภิกฺขโกสฺมิ อิธาคโต ความว่า ข้าพเจ้าเที่ยวขอมาถึงที่นี่. บทว่า อยํ หิ โกฏฺโมติณฺโณ ความว่า ก็ชายชู้ของหญิงนี้กำลังบริโภคอาหารอยู่ ลงไปเพราะกลัวท่าน จึงลงไปซ่อนอยู่ในยุ้ง. บทว่า อยํ โส คเวสติ ความว่า เขาผู้นั้นแหละคือผู้ที่ท่านค้นหาอยู่ว่า ข้าวเหลือเดนนี้เป็นของใครหนอ. ท่านจงจับมวยผมของชายชู้ผู้นั้น แล้วโบยนำออกจากยุ้ง จงสั่งสอนเขาไม่ให้กระทำอย่างนี้อีก พระโพธิสัตว์กล่าวแล้วก็หลีกไป. พราหมณ์ก็สั่งสอนคนทั้งสองไม่ให้ทำความชั่วเช่นนี้อีก ด้วยการขู่และตบตี เสร็จแล้วก็ไปตามยถากรรม.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ทรงประชุมชาดก. เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุกระสัน