พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๘. เอกปทชาดก ความเพียรทำให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง

 
บ้านธัมมะ
วันที่  22 ส.ค. 2564
หมายเลข  35656
อ่าน  415

[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 460

๘. เอกปทชาดก

ความเพียรทําให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 460

๘. เอกปทชาดก

ความเพียรทําให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง

[๓๒๕] คุณพ่อครับ เหตุอย่างเดียวทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างมีอยู่หรือไม่ ผมจะพึงทำประโยชน์ให้สำเร็จด้วยเหตุใด ขอคุณพ่อจงบอกเหตุนั้น ซึ่งรวบรวมประโยชน์ได้หลายอย่างแก่ผมเถิด.

[๓๒๖] ลูกเอ๋ย เหตุอย่างหนึ่ง คือ ความขยันหมั่นเพียร ทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง ก็ความขยันหมั่นเพียรนั้น ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยขันติ อาจจะทำมิตรทั้งหลายให้ถึงความสุข หรืออาจทำศัตรูทั้งหลายให้ถึงความทุกข์ได้.

จบ เอกปทชาดกที่ ๘

อรรถกถาเอกปทชาดกที่ ๘

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภกุฎุมพีคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อิงฺฆ เอกํ ปทํ ตาต ดังนี้.

ได้ยินว่า กุฎุมพีผู้หนึ่งชาวกรุงสาวัตถี. อยู่มาวันหนึ่ง บุตรของเขานั่งอยู่บนตัก ได้ถามปัญหาชื่อว่า อัตถทวาร คือ

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 461

ปัญหากล่าวถึงประตูไปสู่ประโยชน์. เขาคิดว่าปัญหานี้เป็นพุทธวิสัย คนอื่นจักไม่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ จึงพาบุตรไปสู่เชตวันมหาวิหาร ถวายบังคมพระศาสดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ. ทารกนี้นั่งอยู่บนตักของข้าพระองค์ ได้ถามปัญหาชื่อ อัตถทวาร ข้าพระองค์ไม่ทราบปัญหานั้นจึงมา ณ ที่นี้ ข้าแต่พระองค์ขอพระองค์ตรัสบอกปัญหานี้เถิด. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสก ทารกนี้เป็นผู้แสวงประโยชน์ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้เมื่อก่อนก็เป็นผู้แสวงหาประโยชน์ ได้ถามปัญหานี้กะบัณฑิต. แม้โบราณกบัณฑิตก็ได้บอกแก่ทารกนั้นแล้ว แต่เขากำหนดไว้ไม่ได้ เพราะไปสู่ภพขีดขั้นไว้ ทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลเศรษฐี. ครั้งนั้น กุมารน้อยผู้เป็นบุตรของพระโพธิสัตว์ถามขึ้นว่า ข้าแต่พ่อ ขอพ่อจงบอกบทบทหนึ่งอันเป็นทางให้ถึงประโยชน์ไม่ใช่น้อย เพียงเหตุเดียวเท่านั้นแก่ลูก ได้กล่าวคาถาแรกว่า :-

คุณพ่อครับ เหตุอย่างเดียวทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างมีอยู่หรือไม่ ลูกจะพึงทำประโยชน์ให้สำเร็จด้วยเหตุใด ขอคุณพ่อจงบอกเหตุนั้น ซึ่งรวมประโยชน์ได้หลายอย่างแก่ผมเถิด.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 462

ลำดับนั้น บิดาเมื่อจะบอกแก่กุมารน้อยนั้นได้กล่าว คาถาที่ ๒ ว่า :-

ลูกเอ๋ย เหตุอย่างหนึ่งคือความขยันหมั่นเพียร ทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง เพราะความขยันหมั่นเพียรนั้น ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยขันติ อาจทำมิตรทั้งหลายให้ถึงความสุข หรืออาจทำศัตรูทั้งหลายให้ถึงความทุกข์ได้.

อธิบายความ บทบทหนึ่ง คือความขยันได้แก่ ความเพียรอันประกอบด้วยญาณบุคคลผู้เฉลียวฉลาด ผู้ยังลาภให้เกิดประกอบด้วยบทมีประโยชน์มิใช่น้อย มีศีลเป็นต้น. ก็ความเพียรนี้นั้นประกอบด้วยอาจาระและศีล พรั่งพร้อมด้วยอธิวาสนขันติ อาจสามารถจะยังมิตรทั้งหลายให้เป็นสุขได้ ให้เกิดความทุกข์แก่อมิตรทั้งหลายได้. ก็ใครเล่าผู้ประกอบด้วยกุศลวิริยะ พรั่งพร้อมด้วยญาณอันจะยังลาภให้บังเกิด ถึงพร้อมด้วยอาจารขันติ จะไม่สามารถยังมิตรให้เป็นสุข หรือยังอมิตรให้เป็นทุกข์ ได้.

พระโพธิสัตว์กล่าวแก้ปัญหาแก่บุตรฉะนี้. บุตรนั้นได้ยังประโยชน์ของตนให้สำเร็จตามนัยที่บิดาบอก ดำรงชีพไปตามยถากรรมแล้ว.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจธรรม ทรงประชุมชาดก. ครั้นจบสัจจธรรม บิดาและบุตร

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 463

ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล บุตรในครั้งนั้นได้มาเป็นบุตรคนนี้ นี่แหละ ส่วนเศรษฐีกรุงพาราณสี คือเราตถาคตนี้แล.

จบ อรรถกถาเอกปทชาดกที่ ๘