หากทุกอย่างล้วนเกิดโดยเหตุและปัจจัย เหตุและปัจจัยแรกสุดมาจากที่ไหน อย่างไร?
เรียนถามท่านผู้รู้ค่ะ
เมื่อทุกอย่างล้วนเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา บังคับบัญชาไม่ได้ เป็นไปตามเหตุและปัจจัย จนเกิดเป็นสิ่งต่างๆ แล้ว เหตุแรกสุด และปัจจัยแรกสุดที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ จะมาจากไหนคะ?
หากนิพพานคือที่ ที่สิ้นสุดของสังสารวัฏฏ์ แล้วจุดเริ่มต้นล่ะคะ มาได้อย่างไร มีคำตอบอยู่ในพระไตรปิฏกมั้ยคะ?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ ๔๓๘
ปฐมวัชชีสูตร (ว่าด้วยการตรัสรู้และไม่ตรัสรู้อริยสัจ ๔)
[๑๖๙๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ โกฏิคาม ในแคว้นวัชชี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้แทงตลอดอริยสัจ ๔ เราด้วย เธอทั้งหลายด้วย จึงแล่นไปท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฎนี้ตลอดกาลนานอย่างนี้
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ หน้าที่ ๕๐๖
ติณกัฏฐสูตร (ว่าด้วยที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายของสงสาร)
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ
[๔๒๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า บุรุษตัดทอนหญ้าไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้ แล้วจึงรวมกันไว้ ครั้นแล้ว พึงกระทำให้เป็นมัดๆ ละ ๔ นิ้ว วางไว้ สมมติว่า นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นมารดาของมารดาของเรา โดยลำดับ มารดาของมารดาแห่งบุรุษนั้นไม่พึงสิ้นสุด ส่วนว่า หญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้ พึงถึงการหมดสิ้นไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงว่า สังสารวัฏฏ์ ยาวนาน เพราะยังมีอวิชชา เป็นเครื่องกางกั้น และ มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ จึงทำให้สัตว์ ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏฏ์ อย่างไม่มีวันจบสิ้น เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ต้นเหตุที่สำคัญ คือ ความไม่รู้ความจริง
การที่จะไปค้นหาเบื้องต้นของสังสารวัฏฏ์ ไม่สามารถทำให้ละคลายความไม่รู้และกิเลสทั้งหลายได้ อาจจะไปเพิ่มความสงสัยให้กับผู้นั้นอีก คิดไม่ตก ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม เพียงพอแก่ความเข้าใจของผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาเป็นสำคัญ บางปัญหา พระองค์ก็ไม่ทรงพยากรณ์ เพราะจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถาม แต่กลับเพิ่มกิเลสให้กับผู้ถามอีกซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้นั้นเลย
เวลา เหลือไม่มากที่จะได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม เพราะไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าจะละจากโลกนี้ไปเมื่อใด การที่จะดับกิเลส พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้นั้น ต้องเป็นปัญญา ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถที่จะดับกิเลสอะไรได้เลย แล้วปัญญาจะมาจากไหน จะเจริญขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งทุกคนจะต้องเริ่มตั้งแต่ในขณะนี้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรมในชีวิตประจำวันนั่นเอง เพราะปัญญาจะมีมากได้ ก็ต้องอาศัยการสะสมไปทีละเล็ก ทีละน้อย นี้แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
แรกสุดคือปัจจุบันขณะนี้เอง ทุกขณะจิตแรกสุด แรกสุดมานานแค่ไหน สะสมมานานแค่ไหน ใครจำได้ แต่พระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจำได้ เพราะท่านมีอินทรีย์แก่กล้าที่สุดในโลก ท่านสะสมความรู้ถูก ปัญญาท่านมากมายไม่มีคำบรรยาย แต่เรารู้สึกด้วยจิตที่ศรัทธาเชื่อมั่น และเดินตามท่านด้วยใจ เพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตนเองเพราะทุกข์ลดลง เมื่อคำว่าเหตุปัจจัยฉุกคิดขึ้นมาได้ทุกทีที่เจอเหตุการณ์ คำของอ.สุจินต์ ที่อธิบายไว้ จิตมันยอม จิตไม่สั่นคลอน
กราบขอบพระคุณค่ะ อนุโมทนากับคำถามและคำตอบทุกท่านค่ะ