๑๐. กปิชาดก เข้าใจว่าลิงเป็นฤๅษี
[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 522
๑๐. กปิชาดก
เข้าใจว่าลิงเป็นฤๅษี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 522
๑๐. กปิชาดก
เข้าใจว่าลิงเป็นฤๅษี
[๓๕๐] ฤๅษีผู้นี้ยินดีแล้วในความสงบและความสำรวม ท่านถูกภัยคือ ความหนาวเบียดเบียน จึงมายืนอยู่ เชิญฤๅษีผู้นี้จงเข้ามายังบรรณศาลานี้เถิด จะได้บรรเทาความหนาวและความกระวนกระวายให้หมดสิ้นไป.
[๓๕๑] นี้ไม่ใช่ฤๅษีผู้ยินดีในความสงบและความสำรวม เป็นลิงเที่ยวโคจรอยู่ตามกิ่งมะเดื่อ มันเป็นสัตว์ประทุษร้าย ฉุนเฉียวและมีสันดานลามก ถ้าเข้ามาอยู่ยังบรรณศาลาหลังนี้ ก็จะพึงประทุษร้ายบรรณศาลา.
จบ กปิชาดกที่ ๑๐
อรรถกถากปิชาดกที่ ๑๐
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุโกหกรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อยํ อิสี อุปสมสญฺเม รโต ดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 523
ได้ยินว่า ข้อที่ภิกษุนั้นเป็นผู้หลอกลวงได้ปรากฏในหมู่ภิกษุ. ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุโน้นบวชในพระพุทธศาสนาอันเป็นที่นำสัตว์ออกจากภพ ยังบำเพ็ญวัตรของผู้หลอกลวงอีก. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นมิใช่เป็นผู้หลอกลวงแต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็เคยเป็นผู้หลอกลวงเหมือนกัน เกิดเป็นลิงได้ทำการหลอกลวงเพราะเหตุเพียงไฟเท่านั้น แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในแคว้นกาสี ครั้นเจริญวัย ในเวลาที่บุตรเที่ยววิ่งเล่นได้ นางพราหมณีก็ถึงแก่กรรม จึงอุ้มบุตรเข้าสะเอวไปป่าหิมพานต์บวชเป็นฤๅษี บวชบุตรเป็นดาบสกุมาร อาศัยอยู่ในบรรณศาลา. ครั้นฤดูฝน ฝนตกไม่ขาดสาย มีลิงตัวหนึ่งถูกความหนาวเบียดเบียน เที่ยวเดินตัวสั่นฟันกระทบกัน. พระโพธิสัตว์หาท่อนไม้ใหญ่ๆ มาก่อไฟแล้วนอนบนเตียง. ฝ่ายบุตรชายก็นั่งนวดเท้าอยู่. ลิงนั้นนุ่งห่มผ้าเปลือกไม้ของดาบสที่ตายไปแล้วรูปหนึ่ง ห่มหนังเสือเฉวียงบ่า ถือหาบและน้ำเต้าปลอมเป็นฤๅษี มายืนหลอกลวงอยู่ที่ประตูบรรณศาลา เพราะต้องการไฟ. ดาบสกุมารเห็นลิงนั้น จึง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 524
อ้อนวอนบิดาว่า ข้าแต่พ่อ มีดาบสผู้หนึ่งถูกความหนาวเบียดเบียนยืนสั่นอยู่ พ่อเรียกดาบสนั้นเข้ามา ณ ที่นี้เถิด เขาจะได้ผิงไฟ ได้กล่าวคาถาแรกว่า :-
ฤๅษีผู้นี้ยินดีแล้วในความสงบและความสำรวม ท่านถูกภัยคือความหนาวเบียดเบียน จึงมายืนอยู่ เชิญฤๅษีผู้นี้จงเข้ามายังบรรณศาลานี้เถิด จะได้บรรเทาความหนาวและความกระวนกระวายให้หมดสิ้นไป.
ในบทเหล่านั้น บทว่า อุปสมสญฺเม รโต คือ ยินดีในความสงบจากกิเลสมีราคะเป็นต้น และในความสำรวมด้วยศีล. บทว่า ส ติฏฺติ คือเขายืนอยู่. บทว่า สิสิรภเยน ได้แก่ เพราะกลัวความหนาวที่เกิดแต่ลมและฝน. บทว่า อทฺธิโต ความว่า เบียดเบียนแล้ว. บทว่า ปวิสตุมํ ตัดบทเป็น ปวิสตุ อิมํ คือ เชิญเข้ามายัง บรรณศาลานี้. บทว่า เกวลํ ได้แก่ ทั้งสิ้น คือ ไม่มีเหลือ.
พระโพธิสัตว์ฟังคำของบุตรจึงลุกขึ้นมองดู รู้ว่าเป็นลิง จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
นี่ไม่ใช่ฤๅษีผู้ยินดีในความสงบและความสำรวม เป็นลิงที่เที่ยวโคจรอยู่ตามกิ่งมะเดื่อ มันเป็นสัตว์ประทุษร้าย ฉุนเฉียว และมีสันดาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 525
ลามก ถ้าเข้ามาอยู่ยังบรรณศาลาหลังนี้ ก็จะพึงประทุษร้ายบรรณศาลา.
ในบทเหล่านั้น บทว่า ทุมฺพรสาขโคจโร ได้แก่ เที่ยวอยู่ ตามกิ่งมะเดื่อ. บทว่า โส ทูสโก โรสโก จาปิ ชมฺโม ความว่า ลิงเป็นสัตว์ชื่อว่า ประทุษร้ายเพราะประทุษร้ายที่ที่มันไปแล้วๆ ชื่อว่า เป็นสัตว์ฉุนเฉียว เพราะกระทบกระทั่ง ชื่อว่า เป็นสัตว์เลวทรามเพราะความเป็นผู้ลามก. บทว่า สเจ วเช ความว่า หากลิงนั้นเข้ามาอยู่ยังบรรณศาลานี้ ก็จะพึงประทุษร้ายบรรณศาลาทั้งหมด ด้วยการถ่ายอุจจาระปัสสาวะรดและด้วยการเผา.
พระโพธิสัตว์ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงคว้าดุ้นฟืนติดไฟออกมาขู่ให้ลิงตกใจกลัวแล้วให้หนีไป. ลิงกระโดดหนีเข้าป่าไปไม่ได้ม้าที่นั้นอีก. พระโพธิสัตว์ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด สอนการบริกรรมกสิณแก่ดาบสกุมาร. ดาบสกุมารทำอภิญญาและสมาบัติให้เกิดขึ้นแล้ว. ดาบสทั้งสองนั้นมีฌานมิได้เสื่อม ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น ตั้งแต่ครั้งก่อนภิกษุนี้ก็เป็นผู้หลอกลวงเหมือนกัน แล้วทรงประกาศ สัจจธรรม ทรงประชุมชาดก. ครั้นจบสัจจธรรม บางพวกได้เป็นพระโสดาบัน บาง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 526
พวกได้เป็นพระสกทาคามี บางพวกได้เป็นพระอนาคามี. ลิงในครั้งนั้นได้เป็นภิกษุหลอกลวงในครั้งนี้ บุตรได้เป็นราหุล ส่วนบิดา คือเราตถาคตนี้แล.
จบ อรรถกถากปิชาดกที่ ๑๐
รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. สัพพทาฐชาดก ๒. สุนขชาดก ๓. คุตติลชาดก ๔. วิคติจฉชาดก ๕. มูลปริยายชาดก ๖. พาโลวาทชาดก ๗. ปาทัญชีลชาดก ๘. กิงสุโกปมชาดก ๙. สาลกชาดก ๑๐. กปิชาดก.
จบ สิคาลวรรคที่ ๑๐
รวมวรรคที่มีในทุกนิบาตนี้ คือ
๑. ทัฬหวรรค ๒. สันถววรร ๓. กัลยาณธรรมวรรค ๔. อสทิสวรรค ๕. รุหกวรรค ๖. นตังทัฬหวรรค ๗. พีรณัตถัมภกวรรค ๘. กาสาววรรค ๙. อุปาหนวรรค ๑๐. สิคาลวรรค.
จบ ทุกนิบาต