ชาติก่อนทำบาปอะไร จึงอกหักซ้ำซาก
นาย ก. เป็นข้าราชการหนุ่ม บุคลิกดี ผิวขาว รูปร่าง สันทัด แต่ไม่มีผู้หญิงใดมาหมายปอง นาย ก. เคยหลงรักหญิงสาวมาหลายคน แต่สาวๆ ทุกคนจะตอบเหมือนกันว่าขอให้เราเป็นเพื่อนกันเถอะ หรือคิดกับพี่อย่างพี่ชายน้องสาว นาย ก. อยากทราบว่า เขาทำบาปอะไรมาแต่ปางก่อน ทำไมจึงผิดหวัง ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆ ที่เขาก็มีหน้าที่การงานดี หน้าตาก็ไม่ถึงกับขี้เหร่อะไร แต่ทำไมจึงไม่สมหวังในรักสักครั้ง คนที่มารักเขา ก็เป็นสตรีที่มีรูปทรามทั้งนั้น เขาสร้างอกุศลกรรมอะไรมาครับ
โดยนัยพระสูตรทั้งหลายแสดงว่า การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้อย่างที่หวัง เพราะอกุศลกรรม ผู้ที่สะสมบุญมาพร้อมแล้ว เมื่อปรารถนาสิ่งใดๆ ย่อมได้ตามที่ตนหวังเพราะได้กระทำเหตุที่ดีมาพร้อมแล้ว แต่บางสิ่งที่เป็นธรรมดาของสัตว์ทั้งหลาย เช่น ความแก่ ความเจ็บ ความตาย แม้ผู้ใดจะปรารถนาว่าขอเราอย่าแก่ ย่อมไม่ได้
เชิญคลิกอ่านที่นี่ ... ฐานะ ๕ ประการที่ใครๆ ไม่พึงได้ [ฐานสูตร]
ผมขอนำประสบการณ์ทางโลก ที่ผ่านมามากพอตัวมาเป็นข้อคิดสักเล็กน้อย
ที่ผ่านมา ผู้หญิงสวยๆ ดีๆ มาชอบผมมากมาย ผมยังไม่แยแสเลย ทำให้ผมคิดกลับไปครับว่า ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ถามเลยครับ ว่าชาติก่อนทำอะไรมา เอาเป็นว่าชาตินี้ไม่รัก ก็ไม่รัก ไม่เห็นจะเป็นไรเลย.
การที่จะสมหวังสิ่งใดก็ด้วย ผลของกุศลที่ทำไว้และการไม่สมหวังสิ่งใดก็ด้วยผลของอกุศลที่ทำไว้ ตามที่คุณกล่าวว่าเป็นผลของกรรมอะไรนั้น ต้องมาจากอกุศลกรรมที่ทำไว้แน่นอน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าด้วยกรรมอะไร ด้วยกรรมเป็นเรื่องวิจิตร ละเอียดมากจนพระพุทธเจ้าตรัสว่า สิ่งที่บุคคลไม่ควรคิด (อจินไตย) เรื่องหนึ่งก็คือ เรื่องกรรมว่าสิ่งนี้เป็นผลมาจากกรรมอะไร เพราะเราไม่มีปัญญาระดับนั้นครับ แต่จะขอยกพระไตรปิฎกเปรียบเทียบเรื่องนี้ จะเป็นเรื่องที่ เกี่ยวกับผลของกุศลอย่างหนึ่ง ทำให้มีแต่คนรัก ในทางตรงกันข้าม เรื่องที่คุณกล่าวมาจึงเป็นผลของอกุศลที่ไม่สมหวังและคนอื่นๆ ไม่รัก ส่วนอีกเรื่องที่จะยกมาเป็นเรื่องที่แสดงถึงว่า เมื่อเป็นผลของอกุศลแล้ว แม้อยู่ในเรือนสามี สามีก็เบื่อ อยู่กับคนไหน คนนั้นก็ไม่อยากอยู่ด้วย ขนาดอยู่กับขอทานเขาก็ยังไม่อยากอยู่ด้วย ด้วยอำนาจอกุศลที่ทำไว้ครับ
ลองอ่านดูนะ เชิญคลิกอ่านที่นี่..
การที่เราไม่สมหวังในเรื่องของความรัก แน่นอนต้องมาจากอกุศลกรรมให้ผล ทำให้เราผิดหวังไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก แต่เขาขอเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย ก็ดีนะ อย่างน้อยเราก็มีเพื่อน หรือน้องสาวที่ดีเพิ่มอีก ๑ คน เมตตาดีกว่าโลภะนะ เพราะไม่เป็นเหตุนำมาซึ่งทุกข์ และยิ่งมีเมตตามากๆ กับทุกคนก็ยิ่งดีค่ะ เพราะกุศลควรเจริญ อกุศลควรละค่ะ
ขออนุญาต ถามคำถามแทรกหน่อยครับ ..
ผมได้อ่านมาว่า แม้พระพุทธเจ้าเอง ก็เคยระลึกถึงชาติต่างๆ ที่ผ่านมา นับย้อนหลังไปๆ ก็ยังไม่จบสิ้น นี้เป็นเหตุหนึ่งที่พระองค์ทรงกล่าวถึงเรื่อง อจิณไตย ด้วยหรือไม่ครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 43
ข้อความบางตอนจาก เรื่อง อุบาสก ๕ คน
พระศาสดา. อานนท์ แท้จริง แม้พระสัพพัญญุตญาณ ก็ไม่อาจทรงกำหนด ซึ่งความอุบัติของอุบาสกนั่น ผู้อุบัติอยู่ในระหว่างๆ อย่างนี้คือ' ความเป็นมนุษย์ตามกาล, ความเป็นเทพตามกาล, ความเป็นนาคตามกาล,' แต่อุบาสกนั่นเกิดแล้วในกำเนิดแห่งนาคสิ้น ๕๐๐ ชาติโดยลำดับแม้หลับอยู่ (ก็) ไม่อิ่มในการหลับเสียเลย.
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
คำว่า " อจิณไตย " เพราะไม่ใช่วิสัยที่ใครๆ จะพึงเข้าใจได้ นอกจาก พระสัพพัญญูเท่านั้น
ปกติ อกหัก (ถ้าหน้าตาดีและเป็นคนดี) เพราะผิดศีลข้อกาเมฯ ในชาติก่อนๆ
ในสมัยพุทธกาล นางอิสิทาสี เป็นคนที่สวย เกิดในตระกูลเศรษฐี เป็น ญ ที่ดีพร้อมทุกอย่าง แต่โดนสามีทิ้งถึง ๓ คน นางจึงไปบวชเป็นภิกษุณี พอบรรลุอรหัต นางระลึกชาติได้ว่าชาติก่อนๆ เคยผิดศีลข้อกาเมฯ จึงตกนรก เกิดเป็นสัตว์ เกิดเป็นกะเทยและชาติสุดท้ายเกิดเป็น หญิงที่โดนสามีทิ้งถึง ๓ คน
“กมฺมวิปาโก ภิกฺขเว อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ ย จินฺเตนฺโต
อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺส”
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย การเผล็ดผลวิบากของกรรม เป็นเรื่อง อจินไตยไม่ควรคิด เพราะว่าไปคิดเข้า ก็จะพึงเป็นผู้มีส่วนบ้า มีส่วนลำบากใจ” ดังนี้.
อง.จตุกก. ๒๑/๑๑๐–๑๑๑ (พระไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี -ปี ๒๕๓๐)
แล้วไม่สนใจปัจจุบันบ้างเหรอครับ ว่าจะส่งผลอย่างไรในอนาคต
ท่านผู้รู้สอนว่า อยากให้คนอื่นเมตตาดีกว่าอยากให้ผู้อื่นรัก แต่ก็นั่นละนะ ชื่อว่ากิเลส ละยาก
ขอบคุณ คุณ meema ครับ
ผมหาข้อเสียของต้วเองเจอแล้ว คือผมมัน " จน " ไง
เงินจาง นางจร น่ะ
ไม่จริงหรอก ความจนไม่ใช่ข้อเสีย อัธยาศัยไม่ตรงกันทำให้อยู่ไม่ยืดคะ
ถ้าคนที่มีคุณธรรม เขาจะไม่รังเกียจคนจน และที่สำคัญเขาจะเลือกคนที่มีศีลเป็นอันดับแรกค่ะ
คนรักทำให้เรามีความสุขจริงหรือ (ลองคิดดูให้ลึกซึ้งและไตร่ตรองดูใหม่) หากคุณศึกษาธรรมะให้ดีแล้วคุณจะรู้ว่าความสุขจริงๆ อยู่ที่ใจ ไม่ว่าคุณจะสมหวังกับสิ่งภายในหรือไม่สมหวัง สุขทุกข์เกิดที่ใจเมื่อคุณคิดนึกเท่านั้น ลองว่างใจเป็นกลางๆ หรือลองมองดูผู้ที่มีครอบครัวแล้ว กับคนโสดสนิทที่มีการใฝ่ศึกษาธรรมะเป็นที่พึ่ง ใครมีความสุขกว่ากัน อาจจะความสุขคนแบบ แต่ความอิสระต่างกัน แม้ตัวเราเองเรายังบังคับจิตใจตัวเองไม่ได้ แล้วใยจะไปคาดหวัง "ลองวางน้ำใบบัวบกลง แล้วหันมาชิมรสพระธรรมดู แล้วจะรู้ว่ารสพระธรรมเป็นทึ่พึ่งสุดท้ายจริงๆ ทั้งผู้ที่สมหวังและผิดหวัง" อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันที่จะเป็นเหตุนี้ซิที่พึงต้องสนใจให้มาก เพื่อในอนาคต (งอ) จะได้ไม่ต้องมานั่งถามกับตนเองว่ากรรมอันใดหนอ?
ขอเชิญ คลิก อ่านกระทุ้นี้นะครับ คนมีศีล ประเสริฐกว่า คนมีทรัพย์
"แม้ท่านจะรวย มีเงินให้ใครมากมาย หรือแม้กระทั่งยอมปรับเปลี่ยนนิสับบางอย่างที่ชอบเพื่อการที่จะได้อยู่ร่วมกันก็อาจจะไม่เป็นที่ต้องการจริงๆ ของคนผู้นั้นก็เป็นได้"
ขอเชิญอ่านข้อความจากพระไตรปิฎก ชัดเจนกว่าการคิดเองแน่นอนครับ
คลิกอ่าน.. ชวนหังสชาดก ว่าด้วยรักกันอยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้
ถ้าอยู่กันเป็นปกติ คือ อยู่ด้วยความเป็นมิตรมีเมตตาต่อกัน ไม่แสวงหาทุกข์ คือความรัก ความใคร่ ความต้องการครอบครองใคร ศึกษาพระธรรมเพื่อให้เข้าใจในโทษของกาม มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา จะดีกว่าไหมครับ???