๑๐. สีลวึมังสชาดก ว่าด้วยอานิสงส์ของศีล
[เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 316
๑๐. สีลวึมังสชาดก
ว่าด้วยอานิสงส์ของศีล
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 58]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 316
๑๐. สีลวีมังสชาดก
ว่าด้วยอานิสงส์ของศีล
[๔๖๙] ได้ทราบมาว่า ศีลเป็นความงาม ศีลเป็นเยี่ยมในโลก ท่านจงดูซี งูใหญ่มีพิษอันร้ายแรงย่อมไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วย รู้สึกตัวว่า เป็นผู้มีศีล.
[๔๗๐] เราจักสมาทานศีลที่บัณฑิตรับรองแล้วว่าเป็นความปลอดภัยในโลก เป็นคุณชาติเครื่องให้บัณฑิตเรียกบุคคลผู้ประพฤติตามข้อปฏิบัติของพระอริยะ ว่าเป็นผู้มีศีล.
[๔๗๑] อนึ่ง บุคคลผู้มีศีลย่อมเป็นที่รักของญาติทั้งหลาย และรุ่งเรืองในหมู่มิตร เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติ.
จบ สีลวีมังสชาดกที่ ๑๐
อรรถกถาสีลวีมังสชาดกที่ ๑๐
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพราหมณ์ผู้ทดลองศีลคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้มีคําเริ่มต้นว่า สีลํ กิเรวกลฺยาณํ ดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 317
ก็เรื่องทั้งที่เป็นปัจจุบันและเป็นอดีต ได้ให้พิสดารแล้วในสีลวีมังสชาดก เอกนิบาต ในหนหลัง. แต่ในที่นี้ มีเรื่องว่า เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี ปุโรหิตของพระองค์คิดว่า จักทดลองศีลของตน จึงหยิบเอากหาปณะหนึ่งๆ ไป ๒ วัน จากแผ่นกระดานสําหรับนับเงิน ครั้นในวันที่สาม พวกราชบุรุษจับพราหมณ์นั้น โดยหาว่าเป็นโจร นําไปยังสํานักของพระราชา. ในระหว่างทางได้เห็นหมองูกําลังเล่นงูอยู่. ลําดับนั้น พระราชาตรัสถามพราหมณ์นั้นว่า เพราะเหตุไร ท่านจึงได้กระทําอย่างนี้?พราหมณ์กราบทูลว่า ขอเดชะ เพราะข้าพระพุทธเจ้าประสงค์จะทดลองศีลของตน พระเจ้าข้า แล้วจึงกล่าวคาถานี้ว่า :-
ได้ทราบว่า ศีลเท่านั้นงดงาม ศีลยอดเยี่ยมในโลก ท่านจงดูซี งูใหญ่มีพิษอันร้ายแรง ยังไม่เบียดเบียนผู้อื่น ด้วยรู้สึกตัวว่าเป็นผู้มีศีล.
เราจักสมาทานศีลที่บัณฑิตรับรองแล้วว่า เป็นความปลอดภัยในโลก เป็นคุณชาติเครื่องให้บัณฑิตเรียกบุคคลผู้ประพฤติตามข้อปฏิบัติของพระอริยะ ว่าเป็นผู้มีศีล.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 318
อนึ่ง บุคคลผู้มีศีล ย่อมเป็นที่รักของญาติทั้งหลาย ทั้งย่อมรุ่งเรืองในหมู่มิตร เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สีลํ ได้แก่ อาจารมารยาท.ศัพท์ว่า กิร เป็นนิบาตลงในอรรถว่าได้ยินได้ฟัง. บทว่า กลฺยาณํแปลว่า งาม. อธิบายว่า บัณฑิตทั้งหลายย่อมกล่าวอย่างนี้ว่า ได้ยินว่า ศีลเท่านั้นงดงาม. พราหมณ์กล่าวถึงตนเอง ด้วยบทว่า ปสฺสเอาเถิด. บทว่า น หฺติ ความว่า ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ด้วยตนเอง ทั้งไม่ใช่ให้คนอื่นเบียดเบียน. บทว่า สมาทิสฺสํ แปลว่าจักสมาทาน. บทว่า อนุมตํ สิวํ ความว่า อันบัณฑิตทั้งหลายรับรองแล้วว่าเป็นแดนเกษม คือ ปลอดภัย. บทว่า เยน วุจฺจติ ความว่าเราจักสมาทานศีลอันเป็นเหตุให้บุคคลผู้มีศีลผู้ประพฤติโดยเอื้อเฟื้อต่อข้อปฏิบัติของพระอริยเจ้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ซึ่งได้รับการขนานนามว่า อริยวุตติสมาจาร ผู้มีสมาจารอันเป็นเครื่องประพฤติอย่างประเสริฐ. บทว่า วิโรจติ ความว่า ย่อมรุ่งโรจน์ ประดุจกองไฟบนยอดเขา.
พระโพธิสัตว์เมื่อประกาศคุณของศีลด้วยคาถา ๓ คาถา อย่างนี้แล้ว จึงแสดงธรรมแก่พระราชา แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้าในเรือนของข้าพระพุทธเจ้า มีทรัพย์จํานวนมาก ทั้งที่เป็นของบิดา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 319
มารดา ทําให้เกิดขึ้นด้วยตนเอง และทั้งที่พระองค์พระราชทาน ที่สุดรอบคือความเสร็จสิ้นไม่ปรากฏ ก็ข้าพระพุทธเจ้าเมื่อจะทดลองศีลจึงหยิบเอากหาปณะจากแผ่นกระดานสําหรับนับเงินไป บัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทราบเกล้าแล้วว่า ในโลกนี้ ชาติโคตร ตระกูล และประเทศเป็นภาวะต่ําทราม และศีลเท่านั้นประเสริฐ ข้าพระพุทธเจ้าจักบวชขอจงอนุญาตให้ข้าพระพุทธเจ้าบวชเถิด แล้วทูลขอให้ทรงอนุญาตการบวช แม้พระราชาจะทรงขอร้องแล้วๆ เล่าๆ ก็ออกจากเรือนเข้าป่าหิมพานต์ บวชเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดแล้ว ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ปุโรหิตผู้ทดลองศีลในครั้งนั้น คือเราตถาคตฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสีลวีมังสชาดกที่ ๑๐