พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๖. สมุททชาดก ว่าด้วยสมุทรสาคร

 
บ้านธัมมะ
วันที่  23 ส.ค. 2564
หมายเลข  35746
อ่าน  410

[เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 344

๖. สมุททชาดก

ว่าด้วยสมุทรสาคร


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 58]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 ธ.ค. 2564

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 344

๖. สมุททชาดก

ว่าด้วยสมุทรสาคร

[๔๘๗] ใครนี้หนอมาเที่ยววนเวียนอยู่ในน้ำทะเลอันเค็ม ย่อมห้ามปลาและมังกรทั้งหลาย และย่อมเดือดร้อนในกระแสน้ำที่มีคลื่น.

[๔๘๘] ข้าพเจ้าเป็นนกชื่อว่าอนันตปายี ปรากฏไปทั่วทิศว่า เป็นผู้ไม่อิ่ม เราปรารถนาจะดื่มน้ำในมหาสมุทรสาครใหญ่ ว่าแม่น้ำทั้งหลาย.

[๔๘๙] สมุทรสาครนี้พร่องก็ดี เต็มเปียมอยู่ก็ดีใครๆ จะดื่มน้ำในสมุทรสาครนั้น ก็หาพร่องไปไม่ ได้ยินมาว่า สาครอันใครๆ ไม่อาจจะดื่มกินให้หมดสิ้นไปได้.

จบ สมุททชาดกที่ ๖

อรรถกถาสมุททชาดกที่ ๖

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ณ พระมหาวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระอุปนันทเถระ จึงตรัสเรื่องนี้มีคําเริ่มต้นว่า โก นฺวายํ ดังนี้.

ได้ยินว่า พระอุปนันทะนั้นบริโภคมาก มีความทะเยอทะยานมาก ใครๆ ไม่อาจให้พระอุปนันทะนั้นอิ่มหนําแม้ด้วยปัจจัย

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 ธ.ค. 2564

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 345

เต็มเล่มเกวียน. ในวันใกล้เข้าพรรษา พระอุปนันทะนั้นวางรองเท้าไว้ในวิหารหนึ่ง วางลักจั่นไว้ในวิหารหนึ่ง วางไม้เท้าไว้ในวิหารหนึ่งตนเองอยู่ในวิหารหนึ่ง คราวหนึ่ง ไปยังวิหารในชนบท เห็นภิกษุทั้งหลายมีบริขารประณีต จึงกล่าวอริยวังสกถาพรรณนาถึงความเป็นวงศ์ของอริยะ ให้ภิกษุเหล่านั้นถือผ้าบังสุกุล แล้วถือเอาจีวรของภิกษุเหล่านั้น ให้ภิกษุเหล่านั้นถือบาตรดินแล้ว ตนเองเอาบาตรที่ชอบๆ และภาชนะมีถาดเป็นต้น บรรทุกเต็มยานน้อยแล้วมาสู่พระเชตวันมหาวิหาร. อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระอุปนันทะ ศากยบุตรบริโภคมาก มักมาก แสดงข้อปฏิบัติแก่ภิกษุเหล่าอื่น แล้วเอาสมณบริขารบรรทุกเต็มยานน้อยมา. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่าภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปนันทะกล่าวอริยวังสกถาแก่ผู้อื่น แล้วกระทํากรรมอันไม่สมควร เพราะควรที่ตนจะต้องเป็นผู้มักน้อยก่อนแล้ว จึงกล่าวอริยวังสกถาแก่ผู้อื่นในภายหลัง แล้วทรงแสดงคาถาในพระธรรมบทดังนี้ว่า :-

บุคคลควรตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน แล้วพึงสั่งสอนผู้อันในภายหลัง บัณฑิตจะไม่พึงเศร้าหมอง

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 ธ.ค. 2564

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 346

ครั้นแล้วจึงทรงติเตียนพระอุปนันทะ แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ พระอุปนันทะเป็นผู้มักมากในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ยังสําคัญน้ำแม้ในมหาสมุทรว่า ตนควรจะรักษา แล้วทรงนําเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นเทวดารักษาสมุทร.ครั้งนั้นมีกาน้ำตัวหนึ่งบินเที่ยวอยู่ ณ ส่วนเบื้องบนมหาสมุทร เที่ยวห้ามฝูงปลาและฝูงนกว่า ท่านทั้งหลายจงดื่มน้ำในมหาสมุทรแต่พอประมาณ จงช่วยกันรักษา ดื่มเถิด. สมุทรเทวดาเห็นดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า

ใครนี่หนอ มาเที่ยววนเวียนอยู่ในน้ำทะเลอันเค็ม ย่อมห้ามปลาและมังกรทั้งหลาย และย่อมเดือดร้อนในกระแสน้ำที่มีคลื่น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โก นฺวายํ ตัดเป็น โก นุ อยํแปลว่า นี่ใครหนอ.

กาน้ำได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า

ข้าพเจ้าเป็นนกชื่อว่าอนันตปายี ปรากฏไปทั่วทิศว่า เป็นผู้ไม่อิ่ม เราปรารถนาจะดื่ม

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 ธ.ค. 2564

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 347

น้ำมหาสมุทรสาครเป็นใหญ่กว่าแม่น้ำทั้งหลาย.

เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า เราปรารถนาจะดื่มน้ำในสาครอันหาที่สุดมิได้ ด้วยเหตุนั้น เราจึงเป็นนกชื่อว่าอนันตปายี. อนึ่ง เราอันบุคคลได้ยินได้ฟังปรากฏแล้วว่า ชื่อว่าเป็นผู้ไม่รู้จักอิ่ม เพราะประกอบด้วยความอยากอันไม่รู้จักเต็มมากมาย เรานั้นปรารถนาจะดื่มน้ำมหาสมุทรนี้ทั้งสิ้น ที่ชื่อว่าสาคร เพราะเป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะอันงดงาม และเพราะอันสาครขุดเซาะ ชื่อว่าเป็นใหญ่กว่าสระทั้งหลายเพราะเป็นเจ้าแห่งสระทั้งหลาย.

สมุทรเทวดาได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-

ทะเลใหญ่นี้นั้น ย่อมลดลงและกลับเต็มอยู่ตามเดิม บุคคลดื่มกินอยู่ก็หาทําให้น้ำทะเลนั้นพร่องลงไป ได้ยินว่า น้ำทะเลใหญ่นั้น ใครๆ ไม่อาจดื่มกินให้หมดสิ้นไป.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โสยํ ตัดเป็น โส อยํ แปลว่านี้นั้น. บทว่า หายตี เจว ความว่า น่าทะเลย่อมพร่องในเวลาน้ำลง และย่อมเต็มในเวลาน้ำไหลขึ้น. บทว่า นาสฺส นายติความว่า ถ้าแม้ชาวโลกทั้งสิ้นจะดื่มน้ำมหาสมุทรนั้น แม้ถึงเช่นนั้นมหาสมุทรนั้นก็ไม่ปรากฏความพร่องแม้ว่าชาวโลกดื่มน้ำชื่อมีประมาณ

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 ธ.ค. 2564

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 348

เท่านี้ จากน้ำนี้. บทว่า อเปยฺโย กิร ความว่า ได้ยินว่าสาครนี้ใครๆ ไม่อาจดื่มให้น้ำหมด.

ก็แหละรุกขเทวดาครั้นกล่าวอย่างนี้แล้วแสดงรูปารมณ์อันน่ากลัวให้กาสมุทรนั้นหนีไป.

พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า กาสมุทรในครั้งนั้น ได้เป็นพระอุปนันทะในบัดนี้ส่วนรุกขเทวดา คือเราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ อรรถกถาสมุททชาดกที่ ๖