๑๐. ทีปิชาดก ว่าด้วยคนร้ายไม่ต้องการเหตุผล
[เล่มที่ 59] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 596
๑๐. ทีปิชาดก
ว่าด้วยคนร้ายไม่ต้องการเหตุผล
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 59]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 596
๑๐. ทีปิชาดก
ว่าด้วยคนร้ายไม่ต้องการเหตุผล
[๑๑๙๙] คุณลุงครับ ท่านพออดทนได้หรือ พอจะเยียวยาอัตตภาพ ให้เป็นไป ได้อยู่หรือ ท่านมีความสุขดีหรือ มารดาของฉันได้ถาม ความสุขของท่าน เราทั้งหลาย ปรารถนาความสุขแก่ท่านเหมือนกัน.
[๑๒๐๐] แน่ะ แม่แพะ เจ้ามารังแกเหยียบหาง ของเราได้ วันนี้เจ้าสำคัญว่า จะพึงพ้นความตาย ด้วยวาทะว่า ลุง หรือ?
[๑๒๐๑] ท่านนั่งผินหน้าตรงทิศบูรพา ฉันก็ได้มานั่ง อยู่ตรงหน้าท่าน ไฉนฉันจะเข้าไปเหยียบหางของท่าน ซึ่งอยู่เบื้องหลังได้เล่า.
[๑๒๐๒] ทวีปทั้ง ๔ ทั้งมหาสมุทร และภูเขา มีประมาณเท่าใด เราเอาหางของเราวง ที่มีประมาณเท่านั้นไว้หมด เจ้าจะงดเว้นที่ ที่เราเอาหางวงไว้นั้น ได้อย่างไร?
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 597
[๑๒๐๓] ในกาลก่อน มารดาบิดาก็ดี พี่น้องทั้งหลายก็ดี ได้บอกความเรื่องนี้ แก่ฉันแล้วว่า หางของท่านผู้ประทุษร้ายยาว ฉันจึงมาทางอากาศ.
[๑๒๐๔] แน่ะ แม่แพะ ก็เพราะว่าฝูงเนื้อ เห็นเจ้ามาในอากาศ จึงพากันหนีไปเสีย ภักษาหารของเรา เจ้าทำให้พินาศหมดแล้ว.
[๑๒๐๕] เมื่อแม่แพะวิงวอนอยู่อย่างนี้ เสือเหลือง ผู้มีเลือดเป็นภักษาหาร ก็ขม้ำคอ วาจาสุภาษิตมิได้มี ในหมู่บุคคลผู้ประทุษร้าย.
[๑๒๐๖] เหตุผล สภาพธรรม วาจาสุภาษิตมิได้มี ในบุคคลผู้ประทุษร้ายเลย บุคคลพึงพยายามหลีกไปให้พ้น บุคคลผู้ประทุษร้าย ก็บุคคลผู้ประทุษร้ายนั้น ย่อมไม่ยินดีคำสุภาษิต ของสัตบุรุษทั้งหลาย.
จบ ทีปิชาดกที่ ๑๐
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 598
อรรถกถาทีปิชาดกที่ ๑๐
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภแม่แพะตัวหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ มีคำเริ่มต้นว่า ขมนียํ ยาปนียํ ดังนี้.
ความพิสดารว่า สมัยหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานเถระ อยู่ที่เสนาสนะซอกเขา ใกล้ประตูภูเขาวงก์แห่งหนึ่ง. ที่จงกรมของท่าน ได้มีอยู่ที่ใกล้ๆ ประตูภูเขานั้น. ครั้งนั้น พวกคนเลี้ยงแพะคิดว่า แพะจะเที่ยวอยู่ในที่นี้ จึงได้ต้อนแพะเข้าไปไว้ ในซอกภูเขา แล้วพากันเที่ยวเล่นอยู่. เย็นวันหนึ่ง เมื่อพวกคนเลี้ยงแพะ พากันต้อนฝูงแพะไป แม่แพะตัวหนึ่ง ไปเล่นไกลฝูง ไม่ทันเห็นฝูงแพะ ออกจากคอก จึงเดินล้าหลังอยู่. เสือเหลืองตัวหนึ่ง เห็นแม่แพะนั้น ออกทีหลัง จึงคิดว่า เราจักกินแม่แพะนั้น แล้วจึงไปยืนขวางประตูซอกเขาอยู่. แม่แพะ เหลียวดูทางโน้น ทางนี้ เห็นเสือเหลืองนั้น คิดว่า เสือนี้ยืนอยู่ ถ้าเราจะกลับหนีไป ก็คงไม่รอดชีวิต เราควรจะทำความกล้าหาญในวันนี้ ดังนี้แล้ว จึงยกเขามุ่งหน้าเผชิญเสือเหลืองนั้น วิ่งไปโดยเร็ว เสือเหลืองหลบ ด้วยคิดว่า จักจับเอาทางนี้ แต่ไม่ทัน แม่แพะได้โจน เข้าที่รกชัฏ รีบหนีเข้ากลุ่มแพะไปได้.
พระโมคคัลลานเถระ ได้เห็นกิริยาของสัตว์ทั้งสองนั้น วันรุ่งขึ้น จึงไปกราบทูลพระตถาคตว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม่แพะนั้น ได้ทำความบากบั่น ด้วยความที่ตน เป็นผู้มีอุบายฉลาด จึงรอดพ้นจากเสือ-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 599
เหลือง ได้อย่างนี้ พระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่า โมคคัลลานะ เสือเหลือง ไม่อาจจับแม่แพะนั้นได้ ในบัดนี้เท่านั้น แต่ในกาลก่อน เสือเหลืองได้ฆ่าแม่แพะนั้น ผู้กำลังคร่ำครวญอยู่กินแล้ว ดังนี้ พระมหาโมคคัลลานะ ได้กราบทูลอาราธนา ให้ตรัสเรื่องราว จึงได้ทรงนำเอา เรื่องในอดีตมา สาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ ได้เกิดในตระกูลมีโภคะมาก ในบ้านตำบลหนึ่ง ในมคธรัฐ ครั้นเจริญวัยแล้ว ได้ละกาม ออกบวชเป็นฤๅษี ทำฌาน และอภิญญาให้เกิดแล้ว อยู่ในหิมวันตประเทศเป็นเวลานาน เมื่อต้องการจะเสพรสเค็ม รสเปรี้ยว จึงได้ไปพระนครราชคฤห์ สร้าง บรรณศาลา อยู่ที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง. ครั้งนั้น พวกคนเลี้ยงแพะ ปล่อยฝูงแพะ เที่ยวอยู่โดยทำนองที่กล่าวแล้ว วันหนึ่งเสือเหลือง ได้เห็นแม่แพะตัวหนึ่ง ออกทีหลัง จึงคิดว่า เราจักกินแม่แพะนั้น จึงยืนขวางประตูอยู่. แม่แพะเห็นดังนั้น คิดว่า วันนี้เราจักไม่รอดชีวิต เราจักปราศรัยด้วย วาจาอ่อนหวาน กับเสือเหลืองนี้ ด้วยอุบายอย่างหนึ่ง ทำหัวใจเสือเหลือง ให้อ่อนโยน รักษาชีวิตไว้ คิดดังนี้แล้ว จึงกระทำปฏิสันถารกับเสือเหลืองนั้น มาแต่ไกล เมื่อมาถึง จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ความว่า :-
คุณลุงครับ ท่านพออดทนได้หรือ พอจะเยียวยาอัตตภาพ ให้เป็นไปได้อยู่หรือ ท่านมีความสุขดีหรือ มารดาของฉันได้ถามความสุข
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 600
ของท่าน เราทั้งหลายปรารถนา ความสุขแก่ท่าน เหมือนกัน.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สุขํ เต อมฺม ความว่า มารดาของฉัน ได้พูดมากะฉันในวันนี้ว่า จะได้รับความสุขจากท่าน. บทว่า มยํ ความว่า ข้าแต่ท่านลุง แม้ตัวฉัน ก็ต้องการให้ลุงมีความสุขเหมือนกัน.
เสือเหลืองได้ฟังดังนั้น คิดว่า แม่แพะฉ้อโกงตัวนี้ ประสงค์จะล่อลวงเรา ด้วยคิดว่า ลุงไม่รู้ว่า เป็นผู้ร้ายกาจ ดังนี้ แล้วกล่าว คาถาที่ ๒ ความว่า :-
แน่ะ แม่แพะ เจ้ามารังแก เหยียบหางของเราได้ วันนี้เจ้าสำคัญว่า จะพึงพ้นความตาย ด้วยวาทะว่า ลุงหรือ?
คาถานั้น มีความหมายว่า แน่ะ แม่แพะ. เจ้ามาแกล้งรังแก เหยียบหางเรา วันนี้ เจ้าคงจะเข้าใจว่า จะพ้นจากความตาย ด้วยเสแสร้งแกล้ง กล่าวคำว่า ลุง เจ้าอย่าได้มั่นหมาย อย่างนี้เลย.
แม่แพะได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า ข้าแต่ท่านลุง ขอท่านอย่าได้ทำอย่างนี้เลย แล้วกล่าวคาถาที่ ๓ ความว่า :-
ท่านนั่งผินหน้าตรงทิศบูรพา ฉันก็ได้มา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 601
นั่งอยู่ตรงหน้าท่าน ไฉนฉันจะเข้าไปเหยียบ หางของท่าน ซึ่งอยู่เบื้องหลังได้เล่า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มุขํ แปลว่า เฉพาะหน้า. บทว่า กถํ โขหํ ความว่า ไฉนฉันจะไปเหยียบหางของท่าน ซึ่งอยู่เบื้องหลังได้ อย่างไรเล่า?
ลำดับนั้น เสือเหลืองกล่าวกะแม่แพะว่า แน่ะ แม่แพะ เจ้าพูดอะไร ที่ที่จะพ้นจากหางของเราไป ไม่มี ดังนี้แล้ว กล่าวคาถาที่ ๔ ความว่า :-
ทวีปทั้ง ๔ ทั้งมหาสมุทร และภูเขา มีประมาณเท่าใด เราเอาหางของเรา วงที่มีประมาณเท่านั้นไว้หมด เจ้าจะงดเว้นที่ ที่เราเอาหางวงไว้นั้น ได้อย่างไร?
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตาวตา ความว่า เสือเหลือง กล่าวว่า เราเอาหางของเราวงที่เท่านั้น เข้าไว้ทั้งหมด.
แม่แพะได้ฟังดังนั้น คิดว่า เสือเหลืองนี้ลามก หาติดอยู่ในถ้อยคำที่ไพเราะไม่ กลับเป็นศัตรู กล่าวเสียดแทงเรา ดังนี้แล้ว กล่าวคาถาที่ ๕ ความว่า :-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 602
ในกาลก่อน มารดาบิดาก็ดี พี่น้องทั้งหลายก็ดี ได้บอกความเรื่องนี้ แก่ฉันแล้ว ว่าหางของท่าน ผู้ประทุษร้ายยาว ฉันจึงมาทางอากาศ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกฺขึสุ ความว่า เมื่อก่อนมารดาบิดาก็ดี ญาติพี่น้องทั้งหลายก็ดี ได้บอกความเรื่องนี้ ไว้แก่เราแล้ว บทว่า สมฺหิ ความว่า เรานั้นทราบความ จากสำนักมารดาบิดา ญาติพี่น้องว่า หางของท่าน ผู้ประทุษร้ายยาว เพื่อรักษาหางของท่าน จึงมาทางอากาศ.
ลำดับนั้น. เสือเหลืองกล่าวว่า เรารู้ว่า เจ้ามาทางอากาศ แต่เมื่อมา เจ้าได้มาทำภักษาหารของเราให้พินาศ ดังนี้แล้ว กล่าวคาถาที่ ๖ ความว่า :-
แน่ะ แม่แพะ ก็เพราะว่า ฝูงเนื้อ เห็นเจ้ามาในอากาศ จึงพากันหนีไปเสีย ภักษาหารของเรา เจ้าทำให้พินาศหมดแล้ว.
แม่แพะได้ฟังดังนั้น ก็กลัวมรณภัย เมื่อไม่อาจหาอุบายอย่างอื่น มาแก้ไขได้ จึงร้องวิงวอนว่า ข้าแต่ลุง ท่านอย่าได้ทำกรรมหยาบช้า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 603
อย่างนี้เลย จงให้ชีวิตแก่ข้าพเจ้าเถิด. เสือเหลืองได้ตะครุบแม่แพะ ซึ่งกำลังร้องวิงวอนอยู่ ฆ่ากินแล้ว.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสอภิสัมพุทธคาถา ๒ คาถาม ว่า :-
เมื่อแม่แพะวิงวอนอยู่อย่างนี้ เสือเหลืองผู้มีเลือดเป็นภักษาหาร ก็ขม้ำคอ วาจาสุภาษิตมิได้มี ในหมู่บุคคลผู้ประทุษร้าย.
เหตุผล สภาพธรรม วาจาสุภาษิตมิได้มี ในบุคคลผู้ประทุษร้ายเลย บุคคลพึงพยายามหลีกไปให้พ้น บุคคลผู้ประทุษร้าย ก็บุคคลผู้ประทุษร้ายนั้น ย่อมไม่ยินดีคำสุภาษิต ของสัตบุรุษทั้งหลาย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รุหํฆโส ได้แก่ เสือเหลือง ผู้มีโลหิตเป็นภักษา คือ ผู้ดื่มกินซึ่งโลหิต. บทว่า คลกํ อนฺธาวมทฺที ความว่า เสือเหลืองขม้ำคอ ฉีกเนื้อ ดื่มเลือดกิน. บทว่า สุภาสิตํ ได้แก่ ถ้อยคำที่กล่าวดีแล้ว. อธิบายว่า คำเป็นสุภาษิตทั้งหมดนั้น ย่อมไม่มีในบุคคลผู้ประทุษร้าย. บทว่า นิกฺกมฺเม ทุฏฺเ ยุญฺเชถ ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลพึงทำความเพียร ก้าวให้พ้นคนใจ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้า 604
ร้าย. บทว่า โส จ สพฺภิ น รชฺชติ ความว่า ก็เพราะบุคคลใจร้ายนั้น ย่อมไม่ยินดี คือ ไม่สนใจคำสุภาษิต อันสุนทรของสัตบุรุษทั้งหลาย.
พระดาบส ได้เห็นกิริยา ของสัตว์ทั้งสองนั้นทุกอย่าง.
พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้ มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า แม่แพะในครั้งนั้น ได้มาเป็นแม่แพะในบัดนี้ เสือเหลืองในครั้งนั้น ได้มาเป็นเสือเหลืองในบัดนี้ ส่วนพระดาบส ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบอรรถกถา ทีปิชาดกที่ ๑๐
รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. กัจจานิชาดก ๒. อัฏฐสัททชาดก ๓. สุลสาชาดก ๔. สุมังคลชาดก ๕. คังคมาลชาดก ๖. เจติยราชชาดก ๗. อินทริยชาดก ๘. อาทิตตชาดก ๙. อัฏฐานชาดก ๑๐. ทีปิชาดก.
จบ กัจจานิวรรค
จบ อัฏฐกนิบาต