การทำสมาธิไม่ใช่เป็นการเจริญปัญญา
การทำสมาธิหรือการอบรมสมถภาวนาเพื่อความสงบของจิตตามลำดับขั้น แต่ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง การอบรมเจริญปัญญา เพื่อการรู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงไม่ใช่เพื่อความสงบเท่านั้น อีกอย่างหนึ่งสมาธิมี ๒ อย่างคือ มิจฉาสมาธิ ๑ สัมมาสมาธิ ๑ มิจฉาสมาธิ เป็นการจรดจ้องอยุ่ที่อารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยความต้องการด้วยความไม่รู้ ขาดการศึกษา ขาดความเข้าใจ ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล ไม่สงบจากอกุศล สัมมาสมาธิที่เป็นสมถภาวนา เป็นความสงบจากอกุศล ส่วนการอบรมเจริญปัญญาเป็นการค่อยๆ ศึกษาสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตั้งแต่การฟังให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ตัวตนของเรา จากนั้นจะค่อยรู้ลักษณะและปัจจัยของสภาพธรรม เป็นต้น เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ย่อมประจักษ์การเกิดดับและเห็นภัยของนามรูป ฯลฯ
การทำสมาธิไม่ประกอบด้วยปัญญาก็ได้ แล้วถ้าเป็นมิจฉาสมาธิก็เสียเวลาเปล่าการเจริญปัญญาคือ การอบรมสติปัฏฐาน เพื่อละกิเลสเป็นสมุจเฉทในวันหนึ่ง
การทำสมาธิ (สมถภาวนา) ไม่ใช่เป็นการเจริญปัญญา แต่ต้องประกอบด้วยปัญญา เพราะรู้ความแตกต่างของสภาพจิตที่เป็นกุศลและอกุศล และรู้เหตุที่จะทำให้สภาพจิตที่เป็นกุศลเจริญอย่างไร จนถึงความสงบแนบแน่นเป็นอุปจาร อัปปนาสมาธิ ไม่ใช่การอบรมเจริญปัญญา แต่ก็ขาดปัญญาไม่ได้
การทำสมาธิ โดยการนั่งหลับตา และมีคำบริกรรมแล้วแต่จริตของใคร เพื่อทำให้จิตสงบ แต่จริงๆ ไม่สงบเลยแต่คิดอะไรต่างๆ มากมาย เช่น เรื่องงาน เรื่องเงิน
แต่เรารู้ตัวว่ากำลังนึกคิดอยู่ เรียกว่าเป็นปัญญาได้หรือไม่ เพราะรู้ตามสภาพธรรมตามความเป็นจริง