เข้าใจจริงๆ ไม่สงสัย
* เมื่อไม่มีความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็มีแต่ความลังเลสงสัย และก็ไม่มีคำตอบในข้อสงสัยนั้นอย่างถูกต้องชัดเจน
* ความลังเลสงสัยนั้นมีมากมาย เช่น อาจสงสัยว่าชาติที่แล้ว หรือชาติหน้า มีจริงไหม หรืออาจสงสัยว่าเจ้ากรรม นายเวร มีจริงไหม
* ถ้าได้ฟังพระธรรม มีความเข้าใจถูกต้องในสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็จะคลายความสงสัยต่างๆ เหล่านี้ เช่น
* ถ้าเข้าใจว่าแต่ละขณะในชาตินี้ ก็คือจิตที่เกิดขึ้นรู้สิ่งที่ปรากฏ โดยทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว และจิตขณะต่อไปก็เกิดขึ้นทันที ไม่มีระหว่างคั่น สืบต่อๆ ไปเช่นนี้อย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นจิตขณะที่ปฏิสนธิเป็นบุคคลนี้ จิตขณะหลับ จิตขณะตื่นขึ้นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบทางกาย และคิดนึกทางใจ หรือจิตขณะตายคือจิตสุดท้ายของชาตินี้ และถ้าปัญญารู้ตามความเป็นจริงในการเกิดดับสืบต่อของสภาพธรรม เช่น การเกิดขึ้นและดับไปของเห็นในขณะนี้ ก็จะไม่สงสัยว่า
-มีชาติที่แล้วหรือไม่ เพราะต้องมีจิตที่เกิดดับสืบต่อ มาก่อนที่จิตขณะปฏิสนธิของชาตินี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
-มีชาติหน้าหรือไม่ เพราะเมื่อยังมีเหตุปัจจัยให้มีการเกิดขึ้นของจิตต่อจากการดับไปของจิตในขณะนี้ ดังนั้นเมื่อจิตสุดท้ายของชาตินี้คือจิตขณะตายดับไป ก็ต้องมีจิตขณะต่อไป คือปฏิสนธิจิตของชาติต่อไป เกิดสืบต่ออย่างแน่นอน
ดังนั้นปัญญาที่รู้แจ้งในการเกิดขึ้นและดับไปของสิ่งที่ปรากฏขณะนี้ จะทำให้ไม่สงสัยอดีตและอนาคต
-ถ้าเข้าใจว่ากรรม คือเจตนาที่ได้กระทำกรรมไว้แล้ว ซึ่งจะสะสมสืบต่อไปในจิต และสามารถทำให้เกิดผลต่อไป ก็จะรู้ว่าไม่มีใครเป็นเจ้ากรรม นายเวร ของใครเลยทั้งสิ้น แต่เป็นกรรม (คือการกระทำ) และเป็นเวร (คือทุจริตกรรมที่จะทำให้เกิดทุกข์ภัยต่อไป) ของแต่ละบุคคลเอง
* ดังนั้น ถ้ามีความเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง (ธรรม) ตามความเป็นจริง จริงๆ ก็จะคลายความสงสัยต่างๆ ที่เคยมีมาได้
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม