๕. กติฉินทิสูตร
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 52
๕. กติฉินทิสูตร
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 52
๕. กติฉินทิสูตร
[๑๑] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถานี้ว่า
บุคคลควรตัดเท่าไร ควรละเท่าไร ควรบำเพ็ญคุณอันยิ่งเท่าไร ภิกษุล่วงธรรมเครื่องข้องเท่าไร พระองค์จึงตรัสว่าเป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว.
[๑๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
บุคคลควรตัดสังโยชน์เป็นส่วนเบื้องต่ำ ๕ อย่าง ควรละสังโยชน์เป็นส่วนเบื้องบน ๕ อย่าง ควรบำเพ็ญอินทรีย์อันยิ่ง ๕ อย่าง ภิกษุล่วงธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ อย่าง เรากล่าวว่าเป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 53
อรรถกถากติฉินทิสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๕ ต่อไป :-
บทว่า กติ ฉินฺเท ได้แก่ บุคคลเมื่อตัดควรตัดเท่าไร.
แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้.
ก็ในบทว่า ฉินฺเท ชเห นี้ว่าโดยอรรถเป็นอย่างเดียวกัน. เทวดานี้เมื่อเว้นถ้อยคำที่ซ้ำๆ ก็เพื่อเป็นประโยชน์แก่การประพันธ์คาถา จึงได้กล่าวแล้วอย่างนี้.
บทว่า กติ สงฺคาติโต แปลว่า ภิกษุก้าวล่วงธรรมอันเป็นเครื่องข้องเท่าไร.
พระบาลีว่า สงฺคาติโก บ้าง. มีเนื้อความอย่างนี้เหมือนกัน.
บทว่า ปญฺจ ฉินฺเท ได้แก่ เมื่อตัดควรตัดโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง.
บทว่า ปญฺจ ชเห ได้แก่ เมื่อละควรละอุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง การตัดและการละแม้ในที่นี้ เมื่อว่าโดยอรรถก็เป็นอย่างเดียวกัน แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้ก็เพราะให้เหมาะสมกับถ้อยคำอันเทวดาอ้างมา.
อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ เป็นเครื่องฉุดคร่า ให้ตกไปในเบื้องต่ำ เหมือนกับก้อนหินที่เขาผูกเท้าไว้จะพึงตัดสังโยชน์นั้นได้ด้วยพระอนาคามิมรรค ดังนี้ และตรัสว่า อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ซึ่งฉุดคร่าไว้เบื้องบน เหมือนกับกิ่งไม้ที่บุคคลใช้มือจับไว้จะพึงละสังโยชน์นั้นได้ด้วยพระอรหัตตมรรค ดังนี้.
บทว่า ปญฺจ วุตฺตริภาวเย ความว่า เมื่อเจริญคุณวิเศษให้ยิ่ง คือ ให้มากกว่า เพื่อต้องการตัดและเพื่อต้องการละสังโยชน์เหล่านั้น ควรเจริญอินทรีย์ทั้งหลาย มีศรัทธาเป็นที่ ๕.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 54
บทว่า ปญฺจสงฺคาติโต ความว่า ก้าวล่วงแล้วซึ่งธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ เหล่านี้ คือ เครื่องข้องคือราคะ เครื่องข้องคือโทสะ เครื่องข้องคือโมหะ เครื่องข้องคือมานะ เครื่องข้องคือทิฏฐิ.
บทว่า โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ เขากล่าวว่า ข้ามโอฆะทั้ง ๕ ได้แล้ว แต่ในพระคาถานี้ กล่าวถึงอินทรีย์ ๕ ซึ่งเป็นทั้งโลกิยะ และโลกุตตระ ดังนี้แล.
จบอรรถกถากติฉินทิสูตรที่ ๕